สำนักข่าวซินหัวรายงานการเปิดเผยของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ของสหรัฐว่า การทดสอบโรคโควิด-19 ทางน้ำลายที่มหาวิทยาลัยพัฒนาขึ้น ผ่านการอนุมัติฉุกเฉินจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) แล้ว
การทดสอบหาเชื้อโควิค-19 ทางน้ำลายของมหาวิทยาลัย ที่มีชื่อเรียกว่าไอ-โควิด (I-COVID) แตกต่างจากการทดสอบรูปแบบอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ต้องเก็บตัวอย่างสิ่งส่งตรวจจากโพรงจมูกที่รุกล้ำเข้าไปในร่างกายด้วยไม้กวาดโพรงจมูก โดยการทดสอบทางน้ำลายนั้น ผู้ทดสอบแค่หยดน้ำลายลงในหลอดทดลองปลอดเชื้อเพียงเล็กน้อย และสามารถทราบผลทดสอบได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
มหาวิทยาลัยได้ดำเนินการทดสอบโรคโควิด-19 ให้แก่คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ และนักศึกษาไปแล้วมากกว่า 50,000 ครั้ง นับตั้งแต่เริ่มให้บริการทดสอบแบบไม่ต้องจองในเดือนกรกฎาคม และคาดว่าจะดำเนินการทดสอบได้สูงสุดถึง 20,000 คนต่อวัน เมื่อเปิดภาคเรียนในฤดูใบไม้ร่วงในวันที่ 24 ส.ค. นี้
"การทดสอบทางน้ำลายโดยตรงสามารถแก้ปัญหาการสูญเสียเวลา ต้นทุน และอุปกรณ์ต่างๆ อีกทั้งการทดสอบของเรายังมีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยให้สามารถทดสอบในปริมาณมากภายในเวลาอันรวดเร็วและบ่อยครั้ง" มาร์ติน เบิร์ก ศาสตราจารย์ด้านเคมี ผู้ร่วมออกแบบการทดสอบกล่าว
ทิม คีลลีน อธิการบดีกลุ่มมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ยกให้เทคโนโลยีใหม่นี้เป็น "ตัวแปรสำคัญที่จะช่วยปกป้องชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วประเทศ"
"ข่าวที่น่ายินดีวันนี้ทำให้มหาวิทยาลัยและรัฐอิลลินอยส์มีความล้ำหน้าในนวัตกรรมการทดสอบระดับประเทศ รัฐอิลลินอยส์ตั้งตารอจะเป็นลูกค้ารายใหญ่สุดของการทดสอบครั้งนี้" เจ.บี. พริตซ์เคอร์ ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์กล่าว "หากการวิจัยที่กำลังดำเนินการอยู่นี้ยังคงให้ผลลัพธ์เชิงบวกอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้อาจเป็นตัวแปรสำคัญสำหรับการทดสอบโควิด-19 ในรัฐของเรา รวมถึงระดับประเทศ"
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สำนักสาธารณสุขรัฐอิลลินอยส์รายงานการตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้น 2,295 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขผู้ป่วยรายวันสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันผลตรวจทั้งรัฐอยู่ที่ 211,889 ราย และเสียชีวิตสะสม 7,806 ราย