สำนักข่าวซินหัวรายงานผลการสำรวจจากซีเอ็นบีซี โกลบอล ซีเอฟโอ เคาน์ซิล (CNBC Global CFO Council) ประจำไตรมาส 3 ของปี 2563 ซึ่งระบุว่า บรรดาประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินหรือซีเอฟโอ (CFO) ชั้นนำของโลกมองว่า อนาคตของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเชิงบวกมากกว่าเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การสำรวจความเห็นซีเอฟโอ
ทั้งนี้ ซีเอฟโอที่ได้รับการสำรวจครั้งนี้มองว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีน "มีเสถียรภาพ" เมื่อเทียบกับ GDP ของสหรัฐที่ "ตกต่ำระดับปานกลาง" โดยเศรษฐกิจสหรัฐถูกมองว่า "ตกต่ำระดับปานกลาง" ติดต่อกันสองไตรมาสแล้ว
ขณะเดียวกัน ซีเอฟโอได้ปรับการประเมินภาวะเศรษฐกิจของเอเชียและยุโรปจาก "ตกต่ำระดับปานกลาง" ในไตรมาส 2 เป็น "มีเสถียรภาพ" ในไตรมาส 3 ส่วนเศรษฐกิจกลุ่มประเทศลาตินอเมริกาถูกปรับจาก "ตกต่ำระดับรุนแรง" เป็น "ตกต่ำระดับปานกลาง"
สำหรับไตรมาส 2 ของปี 2563 นั้น GDP จีนขยายตัว 3.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยฟื้นตัวจากการหดตัว 6.8% ในไตรมาส 1 ขณะที่รายได้ทางการคลังของจีนขยายตัวเป็นครั้งแรกของปีนี้ โดยอยู่ที่ 3.2% เมื่อเทียบปีต่อปีในเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ดี การหดตัวของภาคค้าปลีกลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐนั้น ในการประมาณการครั้งแรกของกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐระบุว่า GDP สหรัฐหดตัวลง 32.9% ซึ่งเป็นการหดตัวลงรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์
"เศรษฐกิจจีนดีดตัวขึ้นหลังจากที่มีการรับมือกับปัญหา 2 ประการพร้อมกัน ซึ่งคือการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) และความตึงเครียดกับสหรัฐด้านการค้า เทคโนโลยี และภูมิศาสตร์การเมือง โดยจีนสามารถฟื้นตัวจากสถานการณ์เหล่านี้ได้ด้วยแผนกระตุ้นของรัฐบาลเพื่อรับมือกับผลกระทบเชิงลบจากโรคโควิด-19" ผลการสำรวจระบุ