นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ใช้โอกาสในช่วงฟื้นตัวจากโควิด-19 มารับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
"เราเลือกได้ว่าจะดำเนินธุรกิจอย่างที่เคยปฏิบัติเพื่อเดินไปสู่ความหายนะต่อไป หรือจะใช้โอกาสการฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 แล้วนำพาโลกไปสู่เส้นทางที่ยั่งยืน" นายกูเตอร์เรสกล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับผู้นำองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก เพื่อเปิดตัวรายงานสรุปสถานการณ์โลกร้อน "United in Science 2020" ซึ่งเป็นรายงานว่าด้วยสภาพภูมิอากาศฉบับล่าสุดที่หน่วยงานหลายแห่งร่วมกันจัดทำขึ้น
"โลกของเรายังคงห่างไกลจากการปฏิบัติตามข้อตกลงปารีส ที่ตั้งเป้าจำกัดอุณหภูมิของโลกโดยเฉลี่ยไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส และหากทุกอย่างยังคงดำเนินไปเช่นนี้ อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกจะเพิ่มขึ้น 3-5 องศาจากระดับอุณหภูมิในยุคก่อนอุตสาหกรรม" นายกูเตอร์เรสเตือน
รายงานยังย้ำอีกว่า การล็อกดาวน์ระยะสั้นเพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมานั้นไม่ใช่การแก้ไขปัญหาสภาพอากาศที่ยั่งยืน และเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายข้อตกลงปารีส นายกูเตอร์เรสกล่าวว่า "เราช้าไม่ได้แล้วที่จะต้องชะลอและจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศา นี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้โลกใบนี้น่าอยู่สำหรับคนในยุคเราและในอนาคต"
ขณะที่ทั่วโลกพยายามรับมือทั้งโควิด-19 และวิกฤตสภาพภูมิอากาศ นายกูเตอร์เรสยังเรียกร้องให้บรรดาผู้นำสนใจข้อเท็จจริงในรายงานที่รวบรวมขึ้นตามหลักวิทยาศาสตร์ และลงมือแก้ไขปัญหาสภาพอากาศอย่างเร่งด่วน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เลขาฯ UN ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลทุกประเทศจัดทำแผนสภาพภูมิอากาศแห่งชาติฉบับใหม่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally determined contributions: NDCs) ก่อนที่สหประชาชาติจะจัดการประชุมการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในปี 2021
"นั่นคือวิธีที่เราจะสร้างอนาคตที่ปลอดภัยและยั่งยืนยิ่งขึ้น" เลขาฯ UN กล่าว