ศาลฎีกาสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (18 ก.ย.) ว่า รูธ เบเดอร์ กินสเบิร์ก ผู้พิพากษาหญิงคนที่ 2 แห่งศาลฎีกาสหรัฐ ได้เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 87 ปี หลังต่อสู้กับโรคมะเร็งมานานหลายปี
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กินสเบิร์กเป็นผู้บุกเบิกกฎหมายสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ เธอได้รับการแต่งตั้งโดยนายบิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2536 และก้าวขึ้นเป็นสมาชิกอาวุโสสูงสุดของฝ่ายเสรีนิยมในศาลฎีกาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
"ประเทศของเราสูญเสียนักกฎหมายที่มีความสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์" จอห์น โรเบิร์ตส์ หัวหน้าคณะตุลาการศาลฎีกากล่าว
"พวกเราได้สูญเสียเพื่อนร่วมงานผู้เป็นที่รัก วันนี้เราต่างไว้อาลัย พร้อมกับเชื่อมั่นว่า คนรุ่นหลังจะจดจำ รูธ เบเดอร์ กินสเบิร์ก ดั่งที่เรารู้จักเธอในฐานะผู้รักษาความยุติธรรมที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และสุดแสนจะเด็ดเดี่ยว" โรเบิร์ตกล่าว
อย่างไรก็ดี ตำแหน่งว่างของกินสเบิร์กส่งผลให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ สามารถเสนอชื่อผู้พิพากษาศาลฎีกาคนที่ 3 เข้ามาแทนที่นางกินสเบิร์ก ในระหว่างที่เขายังคงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งอาจทำให้อำนาจตุลาการเอนเอียงไปทางฝ่ายอนุรักษ์นิยม
อาซิออส (Axios) สื่อออนไลน์สัญชาติอเมริกัน อ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากพรรครีพับลิกันซึ่งระบุว่า ปธน.ทรัมป์จะดำเนินการเสนอชื่อผู้พิพากษาศาลฎีกาคนใหม่เร็วๆ นี้ โดยเขาได้เปิดเผยรายชื่อผู้มีสิทธิ์ได้รับเลือกจำนวน 20 คนตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว
นายชัค ชูเมอร์ แกนนำเสียงข้างน้อยของพรรคเดโมแครตจากรัฐนิวยอร์กได้ออกมาเปิดเผยหลังมีประกาศการเสียชีวิตของกินสเบิร์กเพียงไม่นานว่า วุฒิสภาสหรัฐควรรอจนกว่าประธานาธิบดีคนถัดไปจะเข้ารับตำแหน่ง ก่อนจะสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งแทนกินสเบิร์ก โดยการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะจัดขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.นี้
"ชาวอเมริกันควรมีส่วนร่วมในการเลือกผู้พิพากษาศาลฎีกาคนต่อไป ดังนั้นจึงไม่ควรมีผู้ใดเข้ามาดำรงตำแหน่งนี้จนกว่าเราจะมีประธานาธิบดีคนใหม่" ชูเมอร์กล่าวผ่านทวิตเตอร์
ทั้งนี้ กินสเบิร์กมีปัญหาสุขภาพมาเนิ่นนานแล้ว และเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ในปี 2542 และต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งหลายชนิดนับตั้งแต่นั้น
กินสเบิร์กเข้ารับการผ่าตัดมะเร็งตับอ่อนในปี 2552 ผ่าตัดนำก้อนมะเร็ง 2 ก้อนออกจากปอดด้านซ้ายเมื่อเดือนธ.ค. 2561 และได้รับการรักษาเนื้องอกในตับอ่อนเพิ่มเติมเมื่อเดือนส.ค. 2562 ขณะเดียวกันเมื่อต้นเดือนม.ค.ปีนี้ กินสเบิร์กเปิดเผยกับสื่อสหรัฐว่า เธอ "หายขาดจากโรคมะเร็งแล้ว" ก่อนจะเข้ารักษามะเร็งตับอีกครั้งในเดือนก.ค.ปีนี้