องค์การการค้าโลก (WTO) เปิดเผยรายงานล่าสุดว่า ปริมาณการค้าโลกมีแนวโน้มหดตัวลง 9.2% ในปี 2563 ก่อนที่จะดีดตัวขึ้น 7.2% ในปี 2564
อย่างไรก็ดี ตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดนี้ ยังดีกว่าที่ WTO คาดการณ์ไว้ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาว่า ปริมาณการค้าโลกในปี 2563 จะหดตัวลง 13-32% เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและชีวิตประจำวันตามปกติทั่วโลกหยุดชะงัก
"การค้าโลกแสดงสัญญาณการฟื้นตัว หลังจากลดฮวบเพราะโรคโควิด-19" คณะนักเศรษฐศาสตร์ของ WTO กล่าว" "ผลการดำเนินงานทางการค้าที่แข็งแกร่งในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ส่งสัญญาณเชิงบวกต่อการเติบโตของการค้าโดยรวมในปี 2563"
อย่างไรก็ดี การประมาณการสำหรับปี 2564 ครั้งล่าสุดของ WTO นั้น บ่งชี้แนวโน้มเชิงลบมากกว่าการประมาณการครั้งก่อน ซึ่งประเมินการเติบโตไว้ที่ 21.3% ทำให้ปริมาณการค้าในปี 2564 ต่ำกว่าแนวโน้มก่อนเกิดโรคระบาดใหญ่ โดย WTO เตือนว่า "การฟื้นตัวอาจหยุดชะงักด้วยผลกระทบจากโรคระบาดใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้น"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายอี้ เสี่ยวจุ่น รองผู้อำนวยการ WTO กล่าวว่า ผลกระทบของวิกฤตโควิด-19 ที่มีต่อการค้าในแต่ละภูมิภาคแตกต่างกันชัดเจน โดยปริมาณการค้าในเอเชีย "ลดลงเล็กน้อย" ขณะที่ในยุโรปและอเมริกาเหนือ "หดตัวเพิ่มขึ้น"
โคลแมน นี นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ WTO กล่าวว่า "จีนกำลังสนับสนุนการค้าภายในภูมิภาคเอเชีย" และ "ความต้องการนำเข้าสินค้าของจีนกำลังช่วยกระตุ้นการค้าภายในภูมิภาค และ ช่วยสนับสนุนอุปสงค์ทั่วโลก"
คณะนักเศรษฐศาสตร์เน้นย้ำว่า แม้ปริมาณการค้าลดลงระหว่างการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับวิกฤตการเงินโลกปี 2551-2552 แต่บริบททางเศรษฐกิจนั้นแตกต่างกันอย่างมาก
"การหดตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) นั้นรุนแรงขึ้นมากในภาวะถดถอยปัจจุบัน ขณะที่การลดลงของการค้าอยู่ในระดับปานกลาง" คณะนักเศรษฐศาสตร์กล่าว พร้อมเสริมว่า ปริมาณการค้าโลกอาจจะลดลงราว 2 เท่าของจีดีพีโลก เมื่อเทียบกับช่วงวิกฤตการเงินปี 2552 ซึ่งลดลงถึง 6 เท่า