สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า โครงการวิจัยที่จัดทำโดยศูนย์ชุมชนและแรงงานมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (UC Merced Community and Labor Center) พบว่า ประชากรอพยพในสหรัฐลดลงอย่างรวดเร็วถึง 2.6% นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19
ผลวิจัยที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (16 ต.ค.) ได้ข้อสรุปจากการวิเคราะห์ข้อมูลของสำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐ ซึ่งดำเนินการสำรวจประชากร 60,000 ครัวเรือนต่อเดือนในสหรัฐ ครอบคลุมถึงพลเมืองโดยการแปลงสัญชาติและผู้ถือสัญชาติแต่ไม่ใช่พลเมือง รวมทั้งผู้อาศัยในประเทศทั้งแบบถูกต้องตามกฎหมายและผิดกฎหมาย
ผลการวิเคราะห์พบว่า ประชากรอพยพลดลงมากที่สุดในรอบ 20 ปี โดย "การลดลงของประชากรอพยพในสหรัฐในปี 2563 (ติดลบ 2.6%) เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งยังสูงกว่าการลดลงในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่เมื่อปี 2551-2552 (ติดลบ 1.6%)"
ผลการวิเคราะห์ชี้ว่าประชากรอพยพในรัฐแคลิฟอร์เนีย 10.3 ล้านคนในปี 2552 ลดลง 642,200 คน หรือ 6.2% ในช่วง 5 เดือนแรกของการระบาดใหญ่ (มี.ค.-ก.ค.) ขณะที่ผู้อพยพอีกจำนวนไม่น้อยในรัฐแคลิฟอร์เนียเลือกกลับประเทศบ้านเกิดของตนหรือเดินทางไปยังรัฐอื่นๆ ของสหรัฐ แทน เนื่องจากเศรษฐกิจท้องถิ่นกำลังเผชิญปัญหาจากวิกฤตโรคระบาดใหญ่ครั้งนี้
"ขณะผู้อพยพบางส่วนทำงานเป็นกระดูกสันหลังของแรงงานในอุตสาหกรรมที่จำเป็น เช่น เกษตรกรรมหรือเนื้อสัตว์ ทว่าอีกหลายคนที่ทำงานในอุตสาหกรรมภาคบริการกำลังเผชิญผลกระทบจากภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ" ผลการวิเคราะห์ชี้ "หลายภาคอุตสาหกรรมของแคลิฟอร์เนีย เช่น ศิลปะและความบันเทิง นันทนาการ โรงแรมและที่พัก และบริการอาหาร ได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงจนมีผู้สูญเสียตำแหน่งงานมากกว่า 4 ใน 10"
นอกจากนี้โครงการวิจัยข้างต้นยังเตือนว่า รัฐที่สูญเสียประชากรอพยพและประชากรวัยทำงานจะต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการรับคนเข้าทำงานเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต