WHO ชี้ชัด Dexamethasone เป็นยาตัวเดียวที่สามารถรักษาผู้ป่วยโควิดรุนแรง

ข่าวต่างประเทศ Saturday October 17, 2020 16:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ (16 ต.ค.) องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยผลล่าสุดจากการทดลองระหว่างประเทศของยารักษาโรคโควิด-19 จำนวน 4 ตัวบ่งชี้ให้เห็นว่า ยาดังกล่าวมีประสิทธิภาพ "เพียงเล็กน้อยหรือแทบไม่มีเลย" ในการป้องกันการเสียชีวิตหรือลดระยะเวลาการรักษาตัวในโรงพยาบาล

WHO ได้ประกาศยุติการทดลองยาไฮดรอกซีคลอโรควิน (Hydroxychloroquine) ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา รวมถึงยาโลพินาเวียร์ (Lopinavir) ที่ทดลองร่วมกับยาริโทนาเวียร์ (Ritonavir) ในเดือนก.ค. โดยระบุว่าการรักษาด้วยยาดังกล่าวช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในโรงพยาบาลได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

"ผลการทดลองในปัจจุบันยังบ่งชี้ให้เห็นว่า ยาที่เข้าร่วมทดลองอีก 2 ตัวได้แก่ ยาเรมเดซิเวียร์ (Remdesivir) และยาอินเตอร์เฟียรอน (Interferon) มีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในการป้องกันการเสียชีวิตหรือลดเวลารักษาตัวในโรงพยาบาล" นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ WHO แถลง พร้อมเสริมว่า ผลดังกล่าวได้มาจากการทดลองในโครงการโซลิดาริที ไทรอัล (Solidarity Trial) ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ WHO

นายแพทย์ทีโดรสเปิดเผยว่า โครงการทดลองดังกล่าวยังคงเปิดรับสมัครผู้ป่วยราว 2,000 รายต่อเดือน และจะประเมินการรักษาด้วยแนวทางอื่นๆ ซึ่งรวมถึงโมโนโคลนอล แอนติบอดี (monoclonal antibody) และยาต้านไวรัสตัวใหม่

"ขณะนี้ยาเดกซาเมธาโซน (Dexamethasone) กลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ยังคงเป็นยารักษาเพียงตัวเดียวที่มีประสิทธิผลต้านโรคโควิด-19 สำหรับผู้ป่วยอาการรุนแรง" นายแพทย์ทีโดรสกล่าว พร้อมคาดการณ์ว่า ผลการทดลองฉบับสมบูรณ์จะได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ชั้นนำในไม่ช้านี้

ทั้งนี้ โครงการโซลิดาริที ไทรอัลซึ่งเปิดตัวในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เป็นการทดลองรักษาโรคโควิด-19 แบบสุ่มขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีผู้ป่วยเกือบ 13,000 ราย จากโรงพยาบาล 500 แห่งใน 30 ประเทศเข้าร่วมการทดลอง

ขณะที่โลกกำลังดิ้นรนต่อสู้เพื่อควบคุมการระบาดใหญ่นั้น หลายประเทศทั่วโลก เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี จีน รัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐ ต่างกำลังเร่งแสวงหาวัคซีนป้องกัน โดยเว็บไซต์ของ WHO ระบุว่าทั่วโลกกำลังพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 198 รายการ เมื่อนับถึงวันที่ 15 ต.ค. โดยวัคซีน 42 รายการอยู่ในขั้นการทดลองทางคลินิกแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ