นายแอนดรูว์ คัวโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กของสหรัฐเปิดเผยว่า รัฐบาลกลางสหรัฐไม่ได้ปฏิบัติตามหน้าที่ในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 เนื่องจากมีชาวอเมริกันเพียงหนึ่งในสามที่ได้รับการตรวจโรคในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดอย่างหนักภายในประเทศ
"รัฐบาลกลางสหรัฐทำผิดพลาดครั้งใหญ่เมื่อโรคโควิด-19 เริ่มระบาด พวกเขาไม่พร้อม พวกเขาไม่ได้เตรียมตัว พวกเขาไม่พยายามเตรียมพร้อมเสียด้วยซ้ำ รัฐบาลกลางได้ละทิ้งความรับผิดชอบของตนเอง" นายคัวโมกล่าวระหว่างแถลงต่อสื่อมวลชน
"สหรัฐดำเนินการตรวจโรคให้ชาวอเมริกันแล้ว 124 ล้านคน แต่เรามีประชากร 328 ล้านคน นั่นเท่ากับว่ามีผู้คนได้รับการตรวจโรคเพียงราวหนึ่งในสาม พวกคุณตรวจโรคได้แค่หนึ่งในสามในระยะเวลา 7 เดือน" นายคัวโมกล่าว พร้อมกับตั้งคำถามว่า "หากมีชาวอเมริกันเพียงหนึ่งในสามถูกตรวจโรคในเวลา 7 เดือน แล้วคุณจะใช้เวลานานเท่าใดจึงจะฉีดวัคซีนให้ประชาชนครบ 100 เปอร์เซ็นต์ คุณจะทำได้อย่างไร?"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สมาคมผู้ว่าการรัฐแห่งชาติ (NGA) ของสหรัฐได้จัดส่งรายการคำถามไปยังฝ่ายบริหารภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อขอความชัดเจนเกี่ยวกับการแจกจ่ายและจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
คำถามหลักของสมาคมได้แก่ จะมีการจัดสรรเงินทุนให้รัฐท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนการแจกจ่ายวัคซีนและความพยายามอื่นๆ เกี่ยวกับวัคซีนหรือไม่? วัคซีนจะถูกจัดสรรให้กับรัฐท้องถิ่นอย่างไร? รัฐบาลกลางใช้หลักเกณฑ์ใดในการจัดสรร? รัฐท้องถิ่นจะได้รับคำชี้แจงว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายใดจะทำข้อตกลงโดยตรงกับรัฐบาลกลางเมื่อใด? เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์เปิดเผยว่า สหรัฐจะผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในปริมาณที่เพียงพอสำหรับชาวอเมริกันทุกคนภายในเดือนเมษายน 2564 โดยขณะนี้มีการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ขนานใหญ่อย่างน้อย 4 รายการในสหรัฐ