สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า โมเดอร์นา (Moderna) บริษัทเภสัชกรรมสัญชาติอเมริกัน ซึ่งเป็นบริษัทแรกที่เริ่มการทดลองทางคลินิกสำหรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในสหรัฐ ได้เสร็จสิ้นการรับสมัครผู้เข้าร่วมการทดลองขั้นสุดท้ายรวม 30,000 คนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (22 ต.ค.)
โมเดอร์นาซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ระบุว่า ได้ดำเนินการลงทะเบียนผู้เข้าร่วมการทดลองทั้งสิ้น 30,000 คนอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับการทดลองระยะที่ 3 ซึ่งจะมีการฉีดวัคซีนจำนวน 2 เข็ม
โมเดอร์นาระบุว่า ผู้เข้าร่วมทดลองทั้ง 30,000 คนได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว และขณะนี้มีผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่สองแล้ว 25,654 คน
เมื่อทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนครั้งที่สองแล้ว โมเดอร์นาจะใช้เวลาในการประเมินความปลอดภัย หากมีผลดีมากกว่าความเสี่ยง บริษัทจะยื่นขออนุญาตกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐ (FDA) เพื่อใช้งานวัคซีนนี้ในกรณีฉุกเฉิน
ปัจจุบัน วัคซีน mRNA-1273 ของโมเดอร์นาอยู่ระหว่างการทดสอบในศูนย์วิจัยทางคลินิกในสหรัฐประมาณ 89 แห่ง
สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ (NIH) ระบุว่า การทดลองครั้งนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อประเมินความปลอดภัยของวัคซีนดังกล่าวและตรวจสอบว่าวัคซีนนี้สามารถป้องกันโรคโควิด -19 ที่แสดงอาการได้หรือไม่หลังได้รับวัคซีน 2 ครั้ง
ส่วนเป้าหมายรองนั้น มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาว่า วัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อโรคโควิด-19 ที่รุนแรง หรือการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ได้รับการยืนยันในห้องปฏิบัติการทั้งที่แสดงหรือไม่แสดงอาการของโรคได้หรือไม่
NIH ระบุว่าการทดลองครั้งนี้ยังพยายามจะหาคำตอบว่า วัคซีนรายการนี้สามารถป้องกันการเสียชีวิตที่เกิดจากโรคโควิด-19 ได้หรือไม่ และการให้ยาเพียงโดสเดียวสามารถป้องกันโรคโควิด-19 ที่แสดงอาการได้หรือไม่ รวมถึงยังมีวัตถุประสงค์อื่นๆ ด้วย
ทั้งนี้ โมเดอร์นาเป็นหนึ่งในผู้ที่ทำการทดลองวัคซีนโรคโควิด-19 ระยะที่ 3 จากทั้งหมดที่มีอยู่ 4 รายการทดลองของสหรัฐ ซึ่งแต่ละการทดลองล้วนมีผู้เข้าร่วมหลายหมื่นคน
โมเดอร์นา และ ไฟเซอร์ (Pfizer) บริษัทเภสัชกรรมอีกแห่ง เริ่มการทดลองระยะที่ 3 เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ส่วนบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) เริ่มการทดลองในสหรัฐเมื่อวันที่ 31 ส.ค. ก่อนระงับการทดลองชั่วคราว 1 สัปดาห์ หลังพบผู้เข้าร่วมทดลองล้มป่วย
ด้านบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson) เริ่มการทดลองเมื่อวันที่ 23 ก.ย. ก่อนระงับชั่วคราวหลังจากเริ่มไปเพียงไม่ถึง 3 สัปดาห์ด้วยเหตุผลเดียวกัน โดยโครงการทดลองของสองบริษัทหลังยังคงถูกระงับอยู่ในขณะนี้
มอนเซฟ สเลา หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ของโอเปอเรชัน วาร์ป สปีด (Operation Warp Speed) ซึ่งเป็นโครงการของทำเนียบขาวที่ออกแบบมาเพื่อลดระยะเวลาในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ระบุเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (21 ต.ค.) ว่า โมเดอร์นาและไฟเซอร์มีแนวโน้มที่จะเป็นบริษัทแรกๆ ที่จะยื่นขออนุมัติการใช้งานวัคซีนในกรณีฉุกเฉินจาก FDA ซึ่งเร็วที่สุดอาจเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคมนี้
สเลาระบุว่า หากมีวัคซีนได้รับการอนุมัติก่อนสิ้นปีนี้ ก็จะมีการสำรองวัคซีนไว้ราว 20-40 ล้านโดส และพร้อมสำหรับการแจกจ่ายให้กับประชาชนในจำนวนที่จำกัด