คณะนักวิจัยของสหรัฐ เปิดเผยการคาดการณ์จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในสหรัฐ อาจพุ่งเกิน 500,000 ราย ภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 แต่ตัวเลขดังกล่าวลดได้หากประชาชนใส่หน้ากากอนามัย
ผลการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสารเนเจอร์ เมดิซีน (Nature Medicine) ระบุว่าคณะนักวิจัยของสถาบันชี้วัดและประเมินผลทางสุขภาพ (IHME) มหาวิทยาลัยวอชิงตัน พบการใช้หน้ากากอาจช่วยรักษาชีวิตผู้คนในประเทศราว 130,000 คน
"เรากำลังจะพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว ดังนั้นเราไม่เชื่อความคิดที่ว่าโรคระบาดใหญ่กำลังจะหายไปนั้นเป็นความจริง" คริสโตเฟอร์ เมอร์เรย์ ผู้อำนวยการสถาบัน และผู้เขียนผลการศึกษาข้างต้นกล่าวกับนักข่าว
"เราคาดว่าจำนวนผู้ป่วยทั้งในระดับรัฐและระดับประเทศจะเพิ่มขึ้นอย่างคงที่ ขณะจำนวนผู้ป่วยเสียชีวิตใหม่รายวันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายเดือนธันวาคมและเดือนมกราคม" เมอร์เรย์กล่าว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การคาดการณ์ทั้งหมดมีขึ้นหลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เผยว่าไวรัสโคโรนา "กำลังจะหายไป" ระหว่างอภิปรายหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีแข่งกับโจ ไบเดน ผู้แทนพรรคเดโมแครตที่เตือนว่าสหรัฐ จะเจอ "ฤดูหนาวอันมืดมน" และกระตุ้นการสวมหน้ากาก
ทรัมป์กล่าวอ้างว่า "เรากำลังเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับไวรัสโคโรนา" แต่ไบเดนโต้แย้งว่า "เรากำลังเรียนรู้ที่จะตายไปกับไวรัสโคโรนา" มากกว่า