สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันพุธ (28 ต.ค.) นายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ และเป็นนายแพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมไวรัสโควิด-19 ของทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ชาวอเมริกันจำนวนมากอาจไม่สามารถกลับคืนสู่สภาวะปกติได้จนกว่าจะถึงปลายปี 2564 หรือในปี 2565
"เราจะเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติในช่วงปลายปี 2564 และอาจจะถึงปีถัดไป" นายฟอซีกล่าวในระหว่างการสัมมนาพิเศษทางออนไลน์ ภายใต้หัวข้อมุมมองทั่วโลกต่อโรคโควิด-19 (Conversations on COVID-19: The Global View) ซึ่งจัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น (University of Melbourne) โดยเขาเปิดเผยว่า จำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้นทุกวันในสหรัฐ "กำลังเป็นปัญหา" และทุกคนคงรับรู้ได้ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้ว
ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์รายงานว่า จำนวนเฉลี่ยของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในสหรัฐอยู่ที่มากกว่า 71,000 รายต่อวันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยทั่วประเทศทะลุ 8,850,000 ราย
นายฟอซีชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายลงภายในประเทศนั้นมีสาเหตุมาจาก "ความแตกแยก" ของรัฐต่างๆ ในการปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสุขภาพ อาทิ การสวมหน้ากากอนามัย "หากทุกคนปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ ผมคิดว่าเราคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ การสวมหน้ากากอนามัยในสหรัฐ เกือบจะกลายเป็นเรื่องทางการเมืองไปแล้ว" เขาระบุ
"ประชาชนถูกหัวเราะเยาะเพราะสวมหน้ากากอนามัย มันขึ้นอยู่กับว่าคุณอยู่ฝั่งไหนของการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากสำหรับผมในฐานะแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ และนักสาธารณสุข" นายฟอซีกล่าว พร้อมเสริมว่า เขายังคงระมัดระวังเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดใหญ่ของประเทศโดยรวม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเขารู้สึกเป็นกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับสถานการณ์ในอีกหลายเดือนข้างหน้า ซึ่งเข้าใกล้ช่วงฤดูหนาวและเทศกาลวันหยุด
อย่างไรก็ดี แม้ว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จะพร้อมใช้งานในสหรัฐในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่มีความเป็นไปได้ที่ประชาชนจำนวนมากจะไม่ได้รับการฉีดวัคซีนจนกว่าจะถึงไตรมาสที่ 2 หรือ 3 ของปี 2564