นายริชิ ซูแนค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอังกฤษคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของอังกฤษจะหดตัว 11.3% ในปีนี้ นับเป็นภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 300 ปี อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นายซูแนคกล่าวต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติของอังกฤษว่า สำนักงบประมาณ (OBR) คาดว่าเศรษฐกิจจะไม่สามารถฟื้นตัวสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดได้ก่อนสิ้นปี 2565
รัฐมนตรีคลังอังกฤษยังคาดว่า การระบาดใหญ่จะส่งผลกระทบที่ยาวนาน โดยอ้างอิงสถิติจาก OBR ซึ่งคาดการณ์ว่า อัตราการว่างงานจะแตะระดับ 7.5% หรือมีคนตกงาน 2.6 ล้านคนในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564
"ภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น" นายซูแนคกล่าวเตือน พร้อมเผยรายงานตรวจสอบการใช้จ่ายฉบับแรกหลังเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยรายงานระบุว่ารัฐบาลอังกฤษใช้จ่ายเงินเพื่อรับมือกับวิกฤตโรคโควิด-19 ทั้งหมด 2.8 แสนล้านปอนด์ (ราว 11.35 ล้านล้านบาท) และวางแผนจะใช้จ่ายเงินอีก 5.5 หมื่นล้านปอนด์ (ราว 2.23 ล้านล้านบาท) เพื่อต่อสู้กับการระบาดใหญ่ในปีหน้า
ขณะเดียวกันหนี้สาธารณะของอังกฤษจะอยู่ที่ 3.94 แสนล้านปอนด์ (ราว 15.98 ล้านล้านบาท) ในปีงบประมาณ 2563/64 คิดเป็น 19% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษ
เพื่อกระตุ้นการเติบโตและสนับสนุนการจ้างงาน นายซูแนคคาดว่าในปี 2564 อังกฤษจะใช้จ่ายด้านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 1 แสนล้านปอนด์ (ราว 4.05 ล้านล้านบาท) นอกจากนี้ จะจัดตั้งธนาคารสำหรับโครงสร้างพื้นฐานแห่งใหม่ โดยจะมีสำนักงานใหญ่อยู่ทางตอนเหนือของอังกฤษ เพื่อประสานงานกับภาคเอกชนในการระดมเงินสำหรับโครงการลงทุนใหม่ๆ ทั่วประเทศ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายซูแนคกล่าวถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจของวิกฤตโควิด-19 หลังจากที่อังกฤษรายงานยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 อยู่ที่ 608 รายเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (24 พ.ค.) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค. ทำให้ยอดเสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 55,838 ราย