สำนักงานสาธารณสุขประจำลอสแอนเจลิสเคาน์ตี้เผยว่า ประชาชน 1 ใน 5 ที่อาศัยอยู่ในลอสแองเจลิสเคาน์ตี้มีผลตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นบวก
สำนักงานฯ ระบุว่าอัตราผลตรวจโควิด-19 เป็นบวกในลอสแอนเจลิส เพิ่มขึ้นเป็น 21.8% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6 ม.ค.) ขณะที่ยอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเมื่อเทียบกับอัตราผลตรวจโรคที่เป็นบวกเมื่อวันที่ 1 พ.ย. อยู่ที่เพียง 3.8%
ณ วันที่ 6 ม.ค. สำนักงานฯ รายงานยอดผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้น 11,841 ราย และเสียชีวิตเพิ่มอีก 258 ราย ส่งผลให้ขณะนี้ยอดผู้ป่วยทั่วเคาน์ตี้รวมอยู่ที่ 852,165 ราย และเสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 11,328 ราย
ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของลอสแอนเจลิสเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่า 8,000 ราย ณ วันที่ 6 ม.ค. โดย 20% รักษาตัวอยู่ในแผนกผู้ป่วยหนัก ขณะที่จำนวนผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาลเฉลี่ยในช่วง 3 วัน เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา อยู่ที่เพียง 791 ราย
"อัตราผู้ป่วยใหม่ในเดือนม.ค. นี้จะส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยโควิดที่มีอาการรุนแรง ถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลในพื้นที่ของเราเพิ่มขึ้นมาก และที่น่าเศร้าคือตอนนี้ มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200 รายต่อวัน" สำนักงานฯ กล่าวและระบุว่า ประชาชนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง อาจมีโอกาสเสียชีวิตเนื่องจากโรคโควิด-19 ได้เช่นกัน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บาร์บารา เฟอร์เรอร์ ผู้อำนวยการสำนักงานฯ ประกาศเตือนว่า "นี่เป็นวิกฤตด้านสุขภาพที่มีสัดส่วนผู้ป่วยมหาศาล" พร้อมเสริมว่า "ลอสแอนเจลิสมีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในแต่ละวัน ซึ่งส่งผลให้ระบบบริการทางสาธารณสุขของเราพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือในทุกๆ ด้าน โศกนาฏกรรมครั้งนี้จะยังคงดำเนินต่อไปจนกว่าเราจะสามารถร่วมกันเปลี่ยนแปลงการกระทำของเราได้"