นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวเตือนว่าสหภาพยุโรป (EU) อาจจำกัดการส่งออกวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ไปยังประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูง พร้อมย้ำถึงความจำเป็นในการส่งออกวัคซีนในปริมาณที่เหมาะสม
"เรากำลังเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่ในรอบศตวรรษ ดิฉันจะไม่ตัดทางเลือกไหนทั้งนั้น เพราะเราต้องทำให้มั่นใจว่าชาวยุโรปจะได้รับวัคซีนโดยเร็วที่สุด" ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวระหว่างงานแถลงข่าว โดยปัจจุบันสหภาพยุโรปเผชิญการแพร่ระบาดระลอกที่ 3 ขณะมีประชากรรับวัคซีนแล้วไม่ถึง 1 ใน 10 ของประชากรรวม
นางเออร์ซูลา ระบุว่า สหภาพยุโรปส่งออกวัคซีนราว 41 ล้านโดส ไปยัง 33 ประเทศและภูมิภาค ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. พร้อมกล่าวหาว่าแอสตร้าเซนเนก้า บริษัทเภสัชภัณฑ์ข้ามชาติของสหราชอาณาจักร ผลิตและจัดส่งวัคซีนมาให้ยุโรปน้อยกว่ากำหนดจาก 180 ล้านโดส เหลือเพียง 70 ล้านโดส
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นางเออร์ซูลา ได้รับแรงกดดันหนักประเด็นการจัดการฉีดวัคซีน โดยเกิดความขัดแย้งหลายครั้งระหว่างสหภาพยุโรปและแอสตร้าเซนเนก้าในประเด็นการจัดส่งวัคซีน ทำให้ครั้งหนึ่งสหภาพยุโรปขู่ยกเลิกข้อตกลงเบร็กซิตกับสหราชอาณาจักรกรณีชายแดนไอร์แลนด์ หลังแอสตร้าเซนเนก้าระบุว่าจะจัดส่งวัคซีนให้ในปริมาณที่น้อยกว่าข้อตกลง
"หากสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง เราจะต้องทบทวนการส่งออกวัคซีนไปยังประเทศที่สามารถผลิตวัคซีนได้เอง โดยพิจารณาตามระดับความเปิดกว้างของแต่ละประเทศ" และสหภาพยุโรปจะพิจารณาว่าจะส่งออกวัคซีนไปยังประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงแล้วหรือไม่
นอกจากนี้ นางเออร์ซูลายังกล่าวเตือนว่าสหภาพยุโรปพร้อมทำทุกวิถีทางเพื่อให้มั่นใจว่า "ยุโรปจะได้รับวัคซีนอย่างเท่าเทียม"