กระทรวงสาธารณสุขของอิตาลีออกคำแนะนำให้ใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้ากับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปเท่านั้น
ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้นจากการประชุมระหว่างนายโรแบร์โต สเปรันซา รัฐมนตรีสาธารณสุขอิตาลี และคณะผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขที่ให้คำปรึกษาด้านโรคโควิด-19 แก่รัฐบาล หลังจากเมื่อวันพุธ (7 เม.ย.) องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) เปิดเผยความเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ากับภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่พบได้น้อยมาก
อิตาลีได้แนะนำให้ฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นแวกซ์เซเรีย (Vaxzeria) สำหรับประชาชนบางกลุ่มอายุ แต่ไม่ใช่ห้ามฉีด โดยแนะนำให้ใช้วัคซีนให้ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ส่วนผู้รับวัคซีนแวกซ์เซเรียโดสแรกแล้ว สามารถรับวัคซีนตัวเดิมให้ครบโดสได้
คำสั่งเดียวกันนี้ยังบ่งชี้ว่า องค์การแพทยศาสตร์อิตาลี (AIFA) จะดำเนินการประเมินสัญญาณความปลอดภัยของวัคซีนร่วมกับ EMA อย่างละเอียดต่อไป เพื่อให้คำแนะนำอื่นๆ เพิ่มเติม
ทางด้านคณะกรรมการด้านความปลอดภัยของ EMA กล่าวเมื่อวันพุธว่า "ภาวะลิ่มเลือดอุดตันผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับเกล็ดเลือดต่ำ ควรระบุเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ยากมากของวัคซีนแวกซ์เซเรีย"
คณะกรรมการของ EMA ได้ข้อสรุปข้างต้นหลังตรวจสอบกรณีผู้ป่วยที่เกิดภาวะดังกล่าว 86 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เสียชีวิต 18 ราย ที่เกิดขึ้นในยุโรปและสหราชอาณาจักร โดยส่วนใหญ่เกิดในผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปี โดยเฉพาะเพศหญิง ในช่วง 2 สัปดาห์นับจากรับวัคซีนโดสแรก
อย่างไรก็ดี EMA ย้ำว่า "การเกิดขึ้นพร้อมกันของภาวะลิ่มเลือดอุดตันและเกล็ดเลือดต่ำนั้นพบได้ยากมาก และประโยชน์โดยรวมของวัคซีนในการป้องกันโรคโควิด-19 ยังคงมีมากกว่าความเสี่ยงของผลข้างเคียง"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นับจนถึงวันที่ 8 เม.ย. อิตาลีดำเนินการฉีดวัคซีนให้ประชาชนแล้ว 11.7 ล้านโดส ซึ่งรวมถึงวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า 3.9 ล้านโดส โดยมีผู้รับวัคซีนครบสองโดสแล้ว 3.6 ล้านคน