สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ (9 เม.ย.) องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) ได้เปิดเผยการตรวจสอบกรณีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 4 รายเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่พัฒนาโดยแจนเซน (Janssen) บริษัทเภสัชภัณฑ์ในเครือจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson)
แถลงการณ์จาก EMA ระบุว่า คณะกรรมการด้านความปลอดภัยได้เริ่มประเมินกรณีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งเกิดขึ้นจากการแข็งตัวของลิ่มเลือด และส่งผลให้หลอดเลือดอุดตันในผู้ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของแจนเซน
กลุ่มผู้ป่วยข้างต้นที่เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับเกล็ดเลือดต่ำขั้นรุนแรงนั้นแบ่งเป็นกรณีที่เกิดขึ้นในสหรัฐระหว่างโครงการฉีดวัคซีนจำนวน 3 ราย ส่วนรายที่ 4 เกิดขึ้นระหว่างการทดลองทางคลินิก โดยมีหนึ่งรายเสียชีวิต
EMA เปิดเผยว่าความเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนของแจนเซนกับภาวะดังกล่าวยังไม่ชัดเจน โดยคณะกรรมการด้านความปลอดภัยจะตัดสินใจว่าจำเป็นต้องดำเนินการด้านกฎระเบียบหรือไม่ อาทิ การเปลี่ยนแปลงฉลาก
ปัจจุบันวัคซีนของแจนเซนแบบฉีดโดสเดียวได้รับอนุมัติให้ใช้งานกรณีฉุกเฉินในสหรัฐเท่านั้น และผ่านการอนุมัติในสหภาพยุโรป (EU) เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีประเทศสมาชิกใดเริ่มใช้วัคซีนตัวดังกล่าว
ขณะเดียวกัน EMA ยังได้ขยายการตรวจสอบวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) หลังมีรายงานการเกิดภาวะเลือดออกผิดปกติ โดยเมื่อวันศุกร์ (9 เม.ย.) EMA ได้ตรวจสอบความเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ากับอาการเส้นเลือดฝอยรั่วในผู้รับวัคซีน 5 ราย ซึ่งภาวะที่เลือดรั่วไหลจากหลอดเลือดขนาดเล็กที่สุดเข้าสู่กล้ามเนื้อและช่องว่างภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายบวมและความดันโลหิตลดลง
ทั้งนี้ EMA ได้ยืนยันเมื่อต้นสัปดาห์ว่า วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ามีความเชื่อมโยงกับภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่อาจเกิดขึ้นได้