สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายคริส ฮิปกินส์ รัฐมนตรีด้านการรับมือโรคโควิด-19 ของนิวซีแลนด์ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ (23 เม.ย.) ระบุว่า นิวซีแลนด์กำหนดให้อินเดีย, บราซิล, ปาปัวนิวกินี และปากีสถาน เป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงโรคโควิด-19 สูงอย่างมาก เพื่อที่จะลดจำนวนผู้ติดเชื้อที่เดินทางเข้าสู่นิวซีแลนด์ พร้อมเพิ่มความเข้มงวดในพื้นที่บริเวณพรมแดนของประเทศ
"มาตรการนี้มีขึ้นเพื่อรับมือกับอัตราการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายพื้นที่ของโลก โดยอิงกับสถานการณ์ภายในประเทศ, ข้อกังวลเกี่ยวกับความชุกของเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์, มาตรการทางสาธารณสุขที่บังคับใช้อยู่ และความเสี่ยงบริเวณพื้นที่พรมแดน" นายฮิปกินส์กล่าว
การจัดกลุ่มประเทศครั้งใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 23.59 น.ของวันที่ 28 เม.ย.นี้ตามเวลาท้องถิ่นของนิวซีแลนด์ โดยในช่วงแรกประเทศที่ถูกจัดว่ามีความเสี่ยงสูงอย่างมากได้แก่ ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 50 รายต่อจำนวนผู้ที่เดินทางมายังนิวซีแลนด์จำนวน 1,000 คนในปี 2564 และประเทศที่มีจำนวนผู้เดินทางเฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 15 คน
นายฮิปกินส์กล่าวว่า ณ ขณะนี้ อินเดีย, บราซิล, ปาปัวนิวกินี และปากีสถาน เป็นประเทศที่ตรงตามเกณฑ์ดังกล่าว โดยผู้เดินทางจากประเทศกลุ่มนี้ จะถูกจำกัดให้สามารถเข้าประเทศได้เฉพาะผู้ที่เป็นพลเมืองของนิวซีแลนด์, คู่สมรสและบุตร ตลอดจนผู้ปกครองของบุตรซึ่งเป็นพลเมืองนิวซีแลนด์
"ลำพังการจำกัดเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากอินเดียนั้น ก็คาดว่าจะช่วยลดจำนวนผู้ที่อาจติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเดินทางเข้ามายังนิวซีแลนด์ได้ราว 75%" นายฮิปกินส์กล่าว พร้อมระบุว่า ผู้เดินทางจากประเทศเสี่ยงสูงมากจะต้องแสดงหลักฐานเป็นผลตรวจโรคโควิด-19 แบบปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรสหรือพีซีอาร์ (PCR) ที่เป็นลบจากห้องปฏิบัติการที่เชื่อถือได้ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง
นายฮิปกินส์ระบุย้ำว่า เรื่องนี้นับเป็นการตัดสินใจที่ลำบากใจ และขึ้นอยู่กับการประเมินความเสี่ยงในปัจจุบัน ซึ่งจะได้รับการทบทวนอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงจะมีกระบวนการยกเว้นทางด้านมนุษยธรรมด้วย