นายฮันส์ คลูจ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำภูมิภาคยุโรป เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวยุโรปที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มีจำนวนมากกว่าประชากรที่ได้รับการยืนยันผลตรวจว่าติดโรคโควิด-19 แล้ว
"ปัจจุบัน ยุโรปมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ยืนยันผลแล้วอยู่ที่ 5.5% ของประชากรทั้งหมด ขณะที่ประชากร 7% ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว" นายคลูจระบุในคำแถลงต่อสื่อมวลชน โดยปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนในยุโรปแล้ว 215 ล้านโดส และราว 16% ของประชากรในประเทศสมาชิกของ WHO ประจำภูมิภาคยุโรปได้รับวัคซีนโดสแรกแล้ว
ปัจจุบันประเทศสมาชิกของ WHO ประจำภูมิภาคยุโรป มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสม 51,506,373 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิตรวม 1,076,173 ราย
แม้ว่าจำนวนผู้ป่วยใหม่ ผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาล และผู้ป่วยเสียชีวิตจะลดลงในช่วงไม่นานนี้ แต่นายคลูจก็ได้ย้ำเตือนประชาชนในภูมิภาคให้ระมัดระวังตนเองและยังต้องตระหนักถึงความจริงที่ว่าวัคซีนเพียงอย่างเดียวไม่สามารถยุติการระบาดใหญ่ได้
"หากปราศจากการแจ้งข้อมูลและมีส่วนร่วมกับชุมชน พวกเขายังคงเสี่ยงกับเชื้อไวรัส หากปราศจากการเฝ้าระวัง เราก็มิอาจจำแนกเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ใหม่ได้ และหากปราศจากการแกะรอยประวัติสัมผัสใกล้ชิด รัฐบาลอาจต้องบังคับใช้มาตรการเข้มงวดอีกครั้ง" นายคลูจระบุ
นายคลูจยังใช้โอกาสเนื่องในสัปดาห์การสร้างภูมิคุ้มกันแห่งยุโรป (EIW) ซึ่งตรงกับวันที่ 24 เม.ย.-2 พ.ค. ในปีนี้ ย้ำถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนซึ่งจะสร้างความมั่นใจในการป้องกันโรคที่คุกคามถึงชีวิต โดยอ้างอิงตัวเลขผู้ป่วยโรคหัด 100,000 รายในปี 2562 ซึ่งเป็นผลจากอัตราการฉีดวัคซีนที่ลดลงเมื่อสองปีก่อนหน้า
"ความสำเร็จที่ได้มายากอาจหลุดลอยไปอย่างรวดเร็ว นั่นคือเหตุผลที่ผมขอให้คุณพยายามอย่างหนัก เพื่อให้เกิดความครอบคลุมของการฉีดวัคซีนด้วยการรับวัคซีนตามกำหนดของภูมิภาค เราต้องไม่หละหลวมต่อโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นอกจากนี้ นายคลูจยังกระตุ้นเตือนระบบสาธารณสุขของภูมิภาค ให้จัดเตรียมการดูแลสุขภาพเบื้องต้นที่จำเป็น ซึ่งรวมถึงการฉีดวัคซีนตามกำหนด เพื่อควบคุมการระบาดใหญ่ไปพร้อมกัน