นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดเผยว่า ระบบพื้นฐานของใบรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แบบดิจิทัลที่อนุญาตให้ประชาชนเดินทางรอบสหภาพยุโรป (EU) โดยเสรีนั้น จะพร้อมใช้งานตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป
นางฟอน เดอร์ เลเยนประกาศภายหลังการประชุมสุดยอดพิเศษระหว่าง 27 ประเทศสมาชิก EU ว่าประเทศสมาชิกสามารถเชื่อมต่อกับระบบใบรับรองดังกล่าวตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย.เป็นต้นไป และแต่ละประเทศต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลใบรับรองถูกป้อนเข้าสู่ระบบสุขภาพระดับชาติของตนเอง
"ดิฉันคิดว่าใบรับรองการฉีดวัคซีนเป็นโอกาสพิเศษที่จะแสดงให้เห็นว่าอียูมีส่วนช่วยให้ชีวิตประจำวันของประชาชนกลับมาเป็นปกติอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นเราทุกคนต้องร่วมกันพยายามทำให้มันเกิดขึ้น" นางฟอน เดอร์ เลเยนกล่าวว่า
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นางฟอน เดอร์ เลเยนเปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ว่า ประชากรผู้ใหญ่ใน EU ครึ่งหนึ่งจะได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดสแรกในสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันมีการส่งมอบวัคซีน 300 ล้านโดส และถูกฉีดให้ประชาชน 245 ล้านโดสแล้ว
"เรามุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการมีวัคซีนเพียงพอจะฉีดให้ประชากรผู้ใหญ่ในอียูร้อยละ 70 ภายในสิ้นเดือนก.ค.นี้ หากยังดำเนินการตามแผนต่อไป เรามั่นใจว่าจะสามารถกลับมาเปิดประเทศได้อย่างปลอดภัยอีกครั้ง" นางฟอน เดอร์ เลเยนกล่าว
ขณะเดียวกันคณะผู้นำ EU ได้ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตวัคซีนทั่วโลก เพื่อตอบสนองความต้องการของโลก หลังร่วมหารือในประเด็น "ความก้าวหน้าที่มั่นคง" ในระหว่างการประชุมสุดยอดระยะเวลา 2 วัน
นอกจากนี้ นางฟอน เดอร์ เลเยนกล่าวหลังการประชุมว่า คณะผู้นำ EU ยังเห็นพ้องที่จะบริจาควัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ไปยังประเทศยากจนอย่างน้อย 100 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ พร้อมระบุว่า การบริจาคเป็นสิ่งที่ "จำเป็นอย่างยิ่ง" เนื่องจากสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย (SII) ระงับการส่งออกวัคซีนทั้งหมดสู่โคแวกซ์ (COVAX) จนถึงสิ้นปีนี้
บริษัทไฟเซอร์-บิออนเทค, โมเดอร์นา และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ตั้งเป้าหมายส่งมอบวัคซีน 1.3 พันล้านโดสในปี 2564 ให้ประเทศรายได้ต่ำโดยไม่แสวงหาผลกำไร และให้ประเทศรายได้ปานกลางในราคาถูก ขณะเดียวกัน EU วางแผนลงทุน 1,000 ล้านยูโร (ราว 3.8 หมื่นล้านบาท) เพื่อพัฒนาการผลิตวัคซีนในทวีปแอฟริกา