นายวิเซนเต เวเรซ ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนฟินเลย์ (IFV) เปิดเผยว่า การใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งอยู่ระหว่างการทดลองของคิวบาจำนวน 3 โดสร่วมกัน มีประสิทธิภาพถึง 91.2%
ผลการทดลองล่าสุดมาจากการฉีดวัคซีนโซเบรานา-02 (Soberana-02) จำนวน 2 โดส ห่างกัน 28 วัน ตามด้วยการฉีดวัคซีนโซเบเรนา พลัส (Soberana Plus) เป็นโดสที่ 3 เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
การทดลองนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาวัคซีนเพื่อต่อสู้กับโรคโควิด-19 ของสถาบันฯ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ นายเวเรซเคยประกาศว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โซเบรานา-02 มีประสิทธิภาพถึง 62% หลังฉีดเป็นจำนวน 2 โดส
เมื่อพิจารณาจากผลการทดลองข้างต้น วัคซีนดังกล่าวจึงผ่านข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งกำหนดว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ต้องมีประสิทธิภาพการป้องกันขั้นต่ำอยู่ที่ 50%
ทางด้านมาเรีย เอวเฆเนีย โตเลโด นักวิจัยหลักในการทดลองทางคลินิกของวัคซีนโซเบรานา-02 กล่าวว่า การทดลองดังกล่าวนอกจากจะตรวจวัดประสิทธิภาพของวัคซีนในผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่แสดงอาการแล้ว ยังมีการตรวจวัดประสิทธิภาพการป้องกันอาการป่วยที่รุนแรงและเสียชีวิตด้วย ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักในการพัฒนาวัคซีน
ขณะนี้ คิวบากำลังเดินหน้าทดลองใช้วัคซีนโซเบรานา-02 และโซเบเรนา พลัสร่วมกันในเด็ก 350 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 3-18 ปี ที่โรงพยาบาลเด็กในกรุงฮาวานา
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นอกจากวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทั้ง 2 ตัวข้างต้นแล้ว คิวบายังดำเนินการทดลองวัคซีนอีก 3 ตัวในหลายระยะ ได้แก่ อับดาลา (Abdala) จากไบโอคิวบาฟาร์มา (BioCubaFarma) โซเบรานา-01 (Soberana-01) จากสถาบันฯ และมัมบิซา (Mambisa) จากซีไอจีบี (CIGB) หรือศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพในคิวบา