สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างรายงานจากหนังสือพิมพ์เดอะ วอชิงตัน โพสต์ เมื่อวันอังคาร (3 ส.ค.) ที่ผ่านมาว่า การรณรงค์ฉีดวัคซีนของสหรัฐด้วยความสมัครใจเดินมาถึงทางตันแล้ว และทางออกเดียวที่จะหลุดพ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คือการบังคับฉีดวัคซีน
บทความดังกล่าวเขียนโดยโจเซฟ จี. อัลเลน รองศาสตราจารย์และผู้อำนวยการโครงการเฮลธี บิลดิงส์ (Healthy Buildings) ที่วิทยาลัยสาธารณสุข ที เฮช ชานของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ระบุว่ามีบทเรียนมากมายจากความล้มเหลวของกลยุทธ์การฉีดวัคซีนในปัจจุบัน ได้แก่ การอนุมัติล่าช้าของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) และเสียงอันแผ่วเบาของ "ผู้มีอิทธิพล" อย่างนักกีฬามืออาชีพ
"หนทางเดียวคือการใช้ข้อบังคับ" อัลเลนระบุ พร้อมเสริมว่าโรงพยาบาลและคลินิกดูแลสุขภาพต้องบังคับฉีดวัคซีนตามที่องค์กรดูแลสุขภาพชั้นนำเกือบ 60 แห่งเรียกร้องเมื่อเดือนก.ค. โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) กล่าวว่าปัจจุบันมีบุคลากรด้านการรักษาพยาบาลระยะยาวและสถานพยาบาลรับวัคซีนเพียง 45%
กระทรวงกิจการทหารผ่านศึกของสหรัฐประกาศเมื่อวันจันทร์ (2 ส.ค.) ว่าจะกำหนดให้บุคลากรการแพทย์แนวหน้าของกระทรวงฯ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งถือเป็นหน่วยงานรัฐบาลกลางแห่งแรกที่บังคับฉีดวัคซีน
ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ (1 ส.ค.) นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาวและผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (NIAID) เปิดเผยว่า รู้สึกท้อใจมากต่อสถานการณ์ของโควิด-19 ในปัจจุบัน โดยกล่าวว่า สหรัฐอยู่ใน "สถานการณ์ลำบากโดยไม่จำเป็น" ขณะที่จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น และประเทศกำลัง "เดินผิดทาง"