สหภาพยุโรป (EU) แนะนำให้ประเทศสมาชิกบังคับใช้มาตรการควบคุมการเดินทางรอบใหม่กับผู้ที่เดินทางมาจากสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนคาดว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวของภูมิภาคมากนัก
ทั้งนี้ สมาชิกบางประเทศ อาทิ อิตาลีและบัลแกเรีย ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของ EU ขณะที่เยอรมนีได้บังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดมาตั้งแต่ก่อนมีคำแนะนำดังกล่าว โดยสั่งห้ามผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และมีประวัติเดินทางไปยังสหรัฐเมื่อไม่นานนี้เข้าประเทศ เว้นแต่จะสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีเหตุผลสำคัญในการเดินทางมายังเยอรมนี
อย่างไรก็ตาม หลังการประกาศคำแนะนำข้างต้น ประเทศสมาชิกส่วนใหญ่ยังเปิดให้ผู้ที่เดินทางมาจากสหรัฐเข้าสู่ประเทศได้เช่นเดิม แม้ว่าแต่ละประเทศจะสามารถปรับเปลี่ยนกฎการเดินทางเข้าประเทศได้อย่างอิสระ โดยโปรตุเกสได้ออกมาประกาศว่าไม่มีแผนจะบังคับใช้มาตรการควบคุมสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากสหรัฐ
ทั้งนี้ เมื่อเดือนมิ.ย. EU ได้เพิ่มสหรัฐลงในรายชื่อประเทศที่ปลอดภัยต่อการเดินทาง อย่างไรก็ดี สหรัฐไม่ได้ปฏิบัติแบบเดียวกันกับผู้ที่เดินทางมาจาก EU
ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจยุโรปขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง หลังจากที่เคยใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างกว้างขวางซึ่งส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของยุโรปชะลอตัวลงอย่างมากในปี 2563 มาแล้ว
ภาคการท่องเที่ยวเป็นส่วนสำคัญในแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของยุโรป โดยเฉพาะในประเทศอย่างอิตาลี ซึ่งภาคการท่องเที่ยวมีสัดส่วนคิดเป็น 13% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ก่อนเกิดโควิด-19 ระบาดในช่วงต้นปี 2563
ด้านนายเจียนฟรังโก โลเรนโซ หัวหน้าฝ่ายการวิจัยของศูนย์การศึกษาด้านการท่องเที่ยวในเมืองฟลอเรนซ์ของอิตาลีคาดการณ์ว่า มาตรการใหม่สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากสหรัฐจะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว
"ก่อนเกิดการระบาดใหญ่ อิตาลีมีนักเดินทางจากสหรัฐ 6 ล้านคนต่อปี แต่ปีที่แล้วมีเพียง 400,000 คนเท่านั้น ซึ่งลดลง 92%" นายโลเรนโซให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัว "ไม่ใช่ว่าผู้เดินทางจากสหรัฐนั้นไม่สำคัญ สิ่งที่ผมจะสื่อคือกระบวนการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวเดินหน้าไปมากโดยปราศจากผู้ที่เดินทางมาจากสหรัฐ และแม้ว่ายอดผู้เดินทางส่วนนี้จะลดลง แต่ผลกระทบจะยังอยู่ในระดับต่ำ และข้อจำกัดเหล่านี้ไม่ได้คงอยู่ถาวร"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บางประเทศได้กลับมาบังคับใช้ข้อจำกัดด้านการเดินทางอีกครั้ง หลังอัตราการติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐพุ่งสูงในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา