หนังสือพิมพ์เดอะ ฮินดูของอินเดีย รายงานว่ามีชาวแอฟริกันฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพียง 3.5% ในขณะที่สหรัฐอนุมัติการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันแล้ว
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวอ้างการที่นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เน้นย้ำถึงความไม่เท่าเทียมของการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลก โดยเมื่อวันที่ 14 ก.ย. นายแพทย์ทีโดรสเปิดเผยว่า มีชาวแอฟริกันฉีดวัคซีนครบสองโดสไม่ถึง 3.5% เมื่อเทียบกับสหรัฐ ซึ่งฉีดวัคซีนไปแล้ว 54% ของประชากร
"ยิ่งความเหลื่อมล้ำของวัคซีนอยู่นานเท่าใด โรคโควิด-19 ก็จะยังระบาดและเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้สังคมและเศรษฐกิจหยุดชะงักนานขึ้น และมีโอกาสสูงที่เชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์อื่นจะอุบัติเพิ่มจนทำให้วัคซีนมีประสิทธิภาพน้อยลง" นายแพทย์ทีโดรสระบุ พร้อมย้ำว่าภัยคุกคามดังกล่าวไม่เพียงเกิดขึ้นกับแอฟริกา แต่ส่งผลกระทบต่อนานาประเทศทั่วโลก
ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงวัคซีนระหว่างประเทศรายได้สูงและรายได้ต่ำมีอัตราสูงจนน่าตกใจ โดยวัคซีนกว่า 75% ถูกจัดสรรไปเพียง 10 ประเทศ ทำให้ 60.1% ของพลเมืองในประเทศรายได้สูงฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อยหนึ่งโดสเมื่อนับถึงวันที่ 15 ก.ย. ขณะที่ประเทศรายได้ต่ำมีพลเมืองฉีดวัคซีนโดสแรกเพียง 3%
สำนักงานประจำภูมิภาคแอฟริกาของ WHO เผยว่า ประเทศในแอฟริกา 42 จาก 54 ประเทศ หรือคิดเป็นเกือบ 80% มีแนวโน้มฉีดวัคซีนไม่สำเร็จตามเป้าหมาย หากยังคงมีอัตราการจัดส่งและฉีดวัคซีนเช่นเดียวกับปัจจุบัน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ (G7) ได้ให้คำมั่นว่าจะแบ่งปันวัคซีนรวม 870 ล้านโดสแก่โครงการโคแวกซ์ (COVAX) เมื่อเดือนมิ.ย. แต่ประเทศดังกล่าวจัดสรรวัคซีนเพียง 100 ล้านโดส ข้อมูลยังระบุว่า แม้ประเทศรายได้สูงได้ให้คำมั่นว่าจะบริจาควัคซีนมากกว่า 1 พันล้านโดส แต่ปัจจุบันยังคงมีการจัดสรรวัคซีนจริงไม่ถึง 15%