สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย. เป็นต้นไป ซึ่งหมายความว่านักเดินทางที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เหล่านี้ครบสองโดส จะถูกพิจารณาว่าได้รับวัคซีนครบโดสแล้วในสหราชอาณาจักร
กลุ่มผู้โดยสารที่เดินทางถึงสหราชอาณาจักรหลังรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสและได้รับใบรับรองการฉีดวัคซีนจากหนึ่งในประเทศและดินแดนที่ผ่านการรับรองมากกว่า 135 แห่ง จะไม่จำเป็นต้องตรวจโรคก่อนออกเดินทาง ตรวจโรคหลังเดินทางมาถึงครบ 8 วัน หรือกักตัวเมื่อเดินทางมาถึงอีกต่อไป
ส่วนผู้ที่มีหลักฐานการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากประเทศหรือดินแดนที่ไม่ได้อยู่ในรายการที่ผ่านการรับรอง หรือฉีดวัคซีนที่ไม่อยู่ในรายการที่ได้รับอนุมัติ จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบเดียวกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนครบโดส
อนึ่ง วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่สหราชอาณาจักรอนุมัติในขณะนี้ ได้แก่ ไฟเซอร์-ไบออนเทค แอสตราเซเนกา โควิชีลด์ โมเดอร์นา และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน
รัฐบาลสหราชอาณาจักรระบุว่าผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปีทุกคน ที่เดินทางเข้าอังกฤษจะถูกพิจารณาเป็นผู้ได้รับวัคซีนครบโดส ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย. เป็นต้นไป และจะถูกยกเว้นจากการกักตัวเมื่อเดินทางมาถึง การตรวจโรคหลังเดินทางมาถึงครบ 8 วัน และการตรวจโรคก่อนออกเดินทาง
อย่างไรก็ดี พวกเขาจำเป็นต้องทำการตรวจโรคหลังเดินทางมาถึงทันที และเข้ารับการทดสอบพีซีอาร์ (PCR) โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อยืนยันว่าไม่มีผลตรวจโรคเป็นบวก
ปัจจุบันประชากรอายุ 12 ปีขึ้นไปในสหราชอาณาจักร ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดสแรกมากกว่าร้อยละ 87 ได้รับวัคซีนครบโดสมากกว่าร้อยละ 79 และได้รับวัคซีนโดสกระตุ้นหรือโดสที่ 3 มากกว่าร้อยละ 17 แล้ว