เมื่อวันอังคาร (14 ธ.ค.) รัฐบาลอิตาลีได้อนุมัติกฤษฎีกาที่เปิดทางการขยายระยะเวลาของภาวะฉุกเฉินระดับชาติด้านโรคโควิด-19 ซึ่งเดิมมีกำหนดสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. นี้ เป็นวันที่ 31 มี.ค. 2565 ทำให้คณะรัฐมนตรีมีอำนาจพิเศษในการออกกฎควบคุมโรคโควิด-19 และบริหารจัดการวิกฤตทางสาธารณสุขต่อไป
กฤษฎีกาข้างต้นเปิดทางให้รัฐบาลกลางอิตาลียังคงใช้ข้อจำกัดชุดล่าสุดเพื่อควบคุมการระบาดระลอกที่ 4 ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ อาทิ การบังคับใช้ "ซูเปอร์กรีนพาส" (super green pass) ซึ่งเป็นใบรับรองที่ยืนยันว่าผู้ถือฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว หรือหายจากโรคโควิด-19 ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เพื่อเข้าสถานที่สาธารณะ อาทิ ร้านอาหาร บาร์ โรงภาพยนตร์ ยิม ไนต์คลับ และสนามกีฬา ระหว่างวันที่ 6 ธ.ค. จนถึง 15 ม.ค. เป็นอย่างน้อย
ในส่วนของผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนนั้นจะต้องแสดง "กรีนพาสแบบปกติ" ซึ่งยืนยันว่าผู้ถือกรีนพาสมีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นลบ เพื่อเข้าสู่สถานที่ต่าง ๆ และใช้งานระบบขนส่งสาธารณะท้องถิ่น
กฎหมายอิตาลีระบุว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินช่วยให้คณะรัฐมนตรีสามารถออกกฎระเบียบและดำเนินการได้อย่างรวดเร็วขึ้น โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนอันยุ่งยากและใช้เวลานาน แต่สามารถกระทำได้ในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับภาวะฉุกเฉินเท่านั้น
นอกจากรัฐบาลผสมจะให้การอนุมัติแล้ว มตินี้ยังได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางในแวดวงการเมือง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีมาริโอ ดรากี เนื่องจากรัฐสภาจะต้องลงคะแนนเพื่ออนุมัติกฤษฎีกาฉบับนี้ด้วย
อิตาลีสามารถประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 12 เดือน และสามารถขยายระยะเวลาการบังคับใช้ได้อีก 12 เดือน รวมเวลาสูงสุด 2 ปี และหากต้องการขยายระยะเวลาของภาวะฉุกเฉินเกิน 2 ปี อิตาลีจะต้องออกร่างกฎหมายเฉพาะที่สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาให้การอนุมัติ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำหรับการระบาดใหญ่ครั้งนี้ อิตาลีประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2563 หลังจากพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายแรกในกรุงโรม ซึ่งถูกบังคับใช้นาน 6 เดือน ก่อนจะถูกขยายเวลาอีกหลายครั้งในภายหลัง