หนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ก ไทม์สรายงานว่า ทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ราว 1 หมื่นล้านโดสแล้วเมื่อนับถึงวันศุกร์ (28 ม.ค.) แต่การฉีดวัคซีนนั้นไม่มีความเท่าเทียมกันในทุกประเทศ
นิวยอร์ก ไทม์สรายงานโดยอ้างอิงจากอาวร์ เวิลด์ อิน ดาตา (Our World in Data) ของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดระบุว่า ในกลุ่มประเทศร่ำรวยที่สุด ประชาชน 77% ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อย่างน้อยหนึ่งโดสแล้ว แต่ในกลุ่มประเทศรายได้ต่ำ ตัวเลขดังกล่าวกลับยังไม่ถึง 10%
"ขณะที่อเมริกาเหนือและยุโรปกำลังแข่งขันกันเพื่อเอาชนะการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ด้วยการฉีดวัคซีนโดสกระตุ้นและบางประเทศยังพิจารณาการฉีดวัคซีนโดสที่ 4 แต่ประชาชน 1 ใน 3 ของโลกซึ่งส่วนมากอยู่ในแอฟริกาและกลุ่มประเทศยากจนของเอเชีย ยังคงเฝ้ารอวัคซีนโดสแรกอยู่"
รายงานข่าวได้ยกตัวอย่างสหรัฐซึ่งดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดสกระตุ้นราว 85 ล้านโดสแล้ว ซึ่งคิดเป็น 5 เท่าของจำนวนวัคซีนทั้งหมดที่ฉีดให้ประชาชนในไนจีเรีย ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดของแอฟริกา
นิวยอร์ก ไทม์สบ่งชี้ว่า ปริมาณการฉีดวัคซีนดังกล่าวสะท้อนถึงความรวดเร็วอย่างน่าประหลาดใจว่ารัฐบาลและบริษัทยาใดสามารถจัดหาวัคซีนได้ เนื่องจากตามทฤษฎีแล้ว วัคซีนหนึ่งหมื่นล้านโดสนั้นเท่ากับ "การฉีดวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งเข็มให้กับประชาชนทั้งโลกที่มีอยู่ 7.9 พันล้านคน"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า มาดูการ์ ไพ ศาสตราจารย์สาขาระบาดวิทยาและชีวสถิติของมหาวิทยาลัยแมคกิลล์ระบุว่า วัคซีนหนึ่งหมื่นล้านโดสถือเป็นชัยชนะของวิทยาศาสตร์ แต่เป็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของความสามัคคีระดับโลก