เมื่อวันอังคาร (1 ก.พ.) นายนัฟทาลี เบนเน็ตต์ นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ประกาศว่าอิสราเอลจะเริ่มใช้ระบบยิงสกัดกั้นขีปนาวุธแบบใช้เลเซอร์ภายในเวลา 1 ปี
นายเบนเน็ตต์กล่าวในที่ประชุมประจำปีของสถาบันความมั่นคงศึกษาแห่งชาติ (INSS) ซึ่งเป็นหน่วยงานคลังสมองด้านความมั่นคงของอิสราเอล ว่าภายในเวลาประมาณ 1 ปี กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) จะนำระบบสกัดกั้นขีปนาวุธด้วยเลเซอร์มาใช้งาน โดยในขั้นแรกจะเป็นการทดลองใช้ ก่อนจะนำมาปฏิบัติงานในภายหลัง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ระบบดังกล่าวจะถูกใช้งานในพื้นที่ทางตอนใต้ของอิสราเอลเป็นที่แรก เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ชุมชนต่าง ๆ ถูกกลุ่มฮามาส (Hamas) ซึ่งปกครองดินแดนฉนวนกาซา และกลุ่มติดอาวุธอื่น ๆ ในฉนวนกาซา ยิงจรวดใส่อยู่บ่อยครั้ง จากนั้นจึงจะติดตั้งระบบนี้ในพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศ
นายเบนเน็ตต์กล่าวว่า ระบบดังกล่าวจะเป็นเสมือนกำแพงเลเซอร์ที่ปกป้องอิสราเอลจากขีปนาวุธ จรวด โดรน และภัยคุกคามอื่น ๆ ได้ในระยะกลางถึงระยะยาว โดยจะกำจัดอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดที่ฝ่ายตรงข้ามใช้โจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ระบบเลเซอร์จะเป็นส่วนเสริมของหลักนิยมด้านการป้องกันประเทศ (Defense doctrine) แบบหลายชั้นของอิสราเอล ซึ่งประกอบด้วยชั้นปฏิบัติการ 4 ชั้น ได้แก่ ไอรอนโดม (Iron Dome), ระบบต่อต้านจรวดพิสัยใกล้-กลาง เดวิดส์ สลิง (David?s Sling), ระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยกลาง-ไกล และแอร์โรว์ (Arrow) ระบบสกัดกั้นขีปนาวุธพิสัยไกล