บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป (BMW Group) ผู้ผลิตยานยนต์สัญชาติเยอรมัน เปิดเผยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์กว่าสามเท่า แตะที่ 1.25 หมื่นล้านยูโร (ราว 4.57 แสนล้านบาท) ในปี 2564
BMW มีรายได้เพิ่มขึ้น 12.4% เมื่อเทียบรายปี อยู่ที่ 1.11 แสนล้านยูโร (ราว 4.06 ล้านล้านบาท) และบรรลุเป้าหมายการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2564 ทั้งยังสามารถเพิ่มการใช้พลังงานไฟฟ้าในกลุ่มรถยนต์ของบริษัท
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บริษัทจะเพิ่มเงินปันผลในการประชุมสามัญประจำปีเดือนพ.ค.นี้ ซึ่งจะส่งผลให้การจ่ายเงินปันผลประจำปีแตะ 3.8 พันล้านยูโร (ราว 1.39 แสนล้านบาท) สูงกว่าปีก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ 1.2 พันล้านยูโร (ราว 4.3 แสนล้านบาท)
ส่วนยอดจำหน่ายของบริษัทซึ่งรวมถึงแบรนด์โรลส์รอยซ์ (Rolls Royce) และมินิ (MINI) ในปี 2564 เพิ่มขึ้น 8.4% อยู่ที่กว่า 2.52 ล้านคัน โดย BMW สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดจำหน่าย 2.2 ล้านคัน
ขณะที่ยอดจำหน่ายยานยนต์ทั้งหมดในจีน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่สุดของ BMW เพิ่มขึ้น 8.9% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยบริษัทมียอดจำหน่ายทุบสถิติในจีนติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ด้วยยอดการส่งมอบรถยนต์ BMW และมินิรวม 846,237 คัน
นอกจากนี้ BMW ยังได้เพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นในกิจการร่วมค้ากับบริษัท บริลเลียนซ์ ไชน่า ออโตโมทีฟ โฮลดิง จำกัด (CBA) จาก 50% เป็น 75% ในเดือนก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนในจีน