ทาราส คัชคา รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า และการเกษตรของยูเครน ระบุว่าความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนจะส่งผลกระทบต่อตลาดธัญพืชทั่วโลก 25% เนื่องจากยูเครนเป็นผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่ของโลก เช่น ข้าวสาลี
คัชคาระบุว่า ความขัดแย้งครั้งนี้จะทำให้ปริมาณธัญพืชลดน้อยลง ส่งผลให้ราคาอาหารเพิ่มสูง และเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงอาหารในกลุ่มประเทศผู้นำเข้า โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ข้าวสาลี และยังระบุว่าบรรดาท่าเรือยูเครน ซึ่งเป็นเส้นทางหลักสำหรับการส่งออกธัญพืชถูกปิดกั้นอยู่ในขณะนี้
ทางด้านยูครินฟอร์ม ซึ่งเป็นสำนักข่าวของทางการยูเครน รายงานว่ายูเครนเก็บเกี่ยวธัญพืช พืชตระกูลถั่ว และเมล็ดพืชน้ำมันสูงเป็นประวัติการณ์ที่กว่า 106 ล้านตัน ในปี 2564 รวมถึงส่งออกพืชผลและเมล็ดพืชน้ำมัน มูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 3.35 แสนล้านบาท) ในช่วงครึ่งแรกของปีการตลาดปัจจุบัน ซึ่งกินเวลาตั้งแต่เดือนก.ค. 2564-เดือนมิ.ย. 2565 เพิ่มขึ้น 56% เมื่อเทียบรายปี
ด้านบูเบเกอร์ เบน-เบลฮาสเซน ผู้อำนวยการฝ่ายการค้าและการตลาดขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งองค์การสหประชาชาติ (UN) เผยว่าความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจทั่วโลกยังต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ก่อให้เกิดความท้าทายครั้งใหม่ต่อความมั่นคงทางอาหารโลก
"หลายประเทศพึ่งพาการนำเข้าอาหารจากยูเครนและรัสเซีย ซึ่งรวมถึงประเทศด้อยพัฒนาและประเทศรายได้น้อยจำนวนมาก" เบน-เบลฮัสเซนให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวเมื่อไม่นานนี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัสเซียและยูเครนเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าทางการเกษตรรายใหญ่ โดยรัสเซียครองตำแหน่งผู้ส่งออกปุ๋ยไนโตรเจนรายใหญ่ที่สุดของโลก ผู้ส่งออกปุ๋ยโพแทสเซียมรายใหญ่อันดับสอง และผู้ส่งออกปุ๋ยฟอสฟอรัสรายใหญ่อันดับสามในปี 2564