เมอร์เซเดส-เบนซ์ ผู้ผลิตยานยนต์จากเยอรมนี เปิดเผยรายได้ในไตรมาสแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบปีต่อปี แตะที่ 3.49 หมื่นล้านยูโร แม้ยอดจำหน่ายรถยนต์จะลดลงก็ตาม
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า แม้เผชิญการระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงปัญหาขาดแคลนชิปทั่วโลก และความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทว่ากำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ของบริษัทกลับเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบรายปี มาอยู่ที่ 5.2 พันล้านยูโร สวนทางกับยอดจำหน่ายรถยนต์ทั่วโลก ที่ลดลง 10% อยู่ที่ 487,008 คัน
ตัวเลข EBIT ครอบคลุมการจำหน่ายสาขาและการถือหุ้น 918 ล้านยูโร ในทางกลับกันบริษัทยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีก 709 ล้านยูโร อันเป็นผลจาก "การปรับเปลี่ยนการดำเนินงานทางอุตสาหกรรมในรัสเซีย"
นอกจากนั้นปัญหาการจัดส่งชุดสายไฟรถยนต์จากยูเครนและการขาดแคลนชิปยังส่งผลให้บริษัทต้องระงับการผลิตชั่วคราวในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ คาดว่ารายได้ประจำปีงบประมาณ 2565 จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนกำไร EBIT จะยังคงระดับเดียวกับปีก่อนหน้า แต่สถานการณ์ในรัสเซียและยูเครนอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อธุรกิจของบริษัทอย่างชัดเจน หากสถานการณ์บานปลายกว่าในปัจจุบัน