คณะผู้เชี่ยวชาญทางสาธารณสุขของสหรัฐชี้ว่า โรคโควิด-19 ยังไม่เป็นโรคประจำถิ่น (endemic) ขณะยอดผู้ป่วยใหม่อาจพุ่งสูงแต่ไม่เลวร้ายเท่าช่วงฤดูร้อนสองครั้งก่อนหน้านี้ หรือช่วงเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน ระบาดหนัก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะผู้เชี่ยวชาญมีทฤษฎีเกี่ยวกับแนวโน้มการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงฤดูร้อนนี้ โดยสถานการณ์เลวร้ายที่สุดคือการอุบัติของเชื้อไวรัสโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ ที่ร้ายแรงจนวัคซีนและภูมิคุ้มกันหลังติดเชื้อมิอาจต้านทาน ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อ การเข้าโรงพยาบาล และการเสียชีวิตระลอกใหญ่
ดร. เครี อัลธอฟฟ์ ศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ ระบุว่าการพุ่งขึ้นของยอดผู้ป่วยในช่วงฤดูร้อน มีแนวโน้มขึ้นอยู่กับการอุบัติของเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ ซึ่งมักแพร่เชื้อได้ไวในกลุ่มคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ทำให้คนกลุ่มนี้เสี่ยงเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิตเพิ่มขึ้น
ส่วนสถานการณ์ดีที่สุดคือระดับการระบาดต่ำอย่างต่อเนื่อง และไม่มีการอุบัติของเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ใหม่ๆ
ปัจจุบันยังมิอาจนิยามโรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น โดยโรคโควิด-19 อาจมีลักษณะเหมือนโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ที่สร้างหนึ่งหรือสองสัปดาห์แห่งความยากลำบาก แต่มีความเสี่ยงป่วยหนักหรือเสียชีวิตระดับต่ำ
อัลธอฟฟ์เสริมว่าคณะนักวิทยาศาสตร์ต้องกำหนดระดับการระบาดที่ยอมรับได้ เพื่อการระบุให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นในเวลานี้