สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อไม่นานนี้ นิตยสารนิวส์วีกเปิดเผยผลสำรวจฉบับใหม่ ซึ่งระบุว่านักเศรษฐศาสตร์เกือบ 7 ใน 10 คน เชื่อว่าสหรัฐจะเผชิญภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจในปีหน้า ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาตร์และอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูง
เว็บไซต์อินเวสโตพีเดียระบุว่า ภาวะถดถอยเป็นการตกต่ำอย่างมีนัยสำคัญทั่วทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ ซึ่งกินเวลาอย่างน้อยหลายเดือน โดยประเทศที่เผชิญการตกต่ำทางเศรษฐกิจติดต่อกัน 2 ไตรมาสมักถูกมองว่าอยู่ในภาวะถดถอย
ผลสำรวจข้างต้น ซึ่งจัดทำโดยเดอะ ไฟแนนเชียล ไทม์ส และโรงเรียนธุรกิจบูธแห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก กล่าวว่า ความท้าทายที่ก่อตัวเพิ่มขึ้นอย่างสงครามยูเครนและอัตราเงินเฟ้ออาจทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
นอกจากนี้ 2% ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ร่วมตอบแบบสอบถามทั้งหมด 47 คน เชื่อว่าภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจจะเริ่มขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 หรือเร็วกว่านั้น ขณะอีก 38% เชื่อว่า ภาวะดังกล่าวจะเริ่มขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ส่วนอีก 30% เชื่อว่าจะเริ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า
ทั้งนี้ 57% ของนักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาตร์และค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นจะเป็นสาเหตุหลักของอัตราเงินเฟ้อในปีหน้า ขณะอีก 14% มองว่าการหยุดชะงักต่อเนื่องของห่วงโซ่อุปทานจะเป็นปัจจัยหลักของอัตราเงินเฟ้อ