สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คอลัมนิสต์ประจำเดอะ โกลบ แอนด์ เมล (The Globe and Mail) สื่อท้องถิ่นแคนาดา กล่าวว่า เหตุกราดยิงที่กลายเป็นเรื่องปกติในสหรัฐนั้น กำลังทำให้สหรัฐตกอยู่ภายใต้ความรุนแรงจากอาวุธปืนทุกวันอย่างน่าหวาดกลัว
นายแกรี เมสัน คอลัมนิสต์ด้านกิจการระดับชาติ ระบุว่า สหรัฐสร้างสถิติใหม่ด้านเหตุกราดยิงทุกปีและปีนี้ก็ไม่เว้น โดยปัจจุบันพบเหตุกราดยิง (มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย) มากกว่า 200 ครั้งแล้ว และยังคงไม่มีความตั้งใจ ทั้งทางการเมืองหรืออื่นๆ ในการแก้ไขปัญหานี้
นอกจากนี้ เมสันเสริมว่า สิ่งเหล่านี้ทำให้ประชาชนขวัญเสียอย่างแท้จริง โดยอาวุธปืนหยั่งรากลึกในวัฒนธรรมอเมริกันจนมิอาจหวนคืน บางรัฐอย่างแคลิฟอร์เนียที่ออกกฎหมายควบคุมอาวุธปืนอันเข้มงวด ยังคงไม่สามารถหยุดเหตุกราดยิงได้ และยังคงเป็นเรื่องง่ายมากในสหรัฐที่จะหาปืนสักกระบอกมาไว้ในมือ
ทั้งนี้ มีหลายทฤษฎีเกี่ยวกับกระแสถกเถียงการควบคุมอาวุธปืนในสหรัฐ ซึ่งทฤษฎีหนึ่งชี้ว่าเป็นชาวอเมริกันผิวขาวส่วนใหญ่ที่ปฏิเสธจะเลิกใช้อาวุธปืน เพราะอาวุธปืนเหล่านั้นช่วยค้ำจุน "ความเหนือกว่าของคนผิวขาว" (white supremacy) และเป็นเครื่องมือปกป้องคนผิวขาวจากการ "ตกบัลลังก์" โดยไม่สนใจว่าจะเกิดเหตุกราดยิงกี่ครั้ง มีเด็กถูกสังหารกลางห้องเรียนเท่าไร หรืออัตราการฆาตกรรมพุ่งสูงเพียงใด