สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวว่ากัมพูชามีแนวโน้มหลุดพ้นจากสถานะประเทศพัฒนาน้อยที่สุดภายในปี 2570 และจะบรรลุเป้าหมายการเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูงภายในปี 2573
สมเด็จฮุนเซน ซึ่งเข้าร่วมพิธีสำเร็จการศึกษาของนักศึกษามหาวิทยาลัยภูมินทร์นิติศาสตร์และเศรษฐศาสตร์แห่งกัมพูชาเกือบ 6,000 คน กล่าวว่าการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพทางการเมืองเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้
นอกจากนั้น เศรษฐกิจของกัมพูชาฟื้นตัวดีในยุคหลังการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) มีแนวโน้มเติบโตอยู่ที่ 5.6% ในปี 2566 เพิ่มขึ้นจาก 5.2% ของปี 2565
ด้านเพ็ญ โสวิชิต ปลัดและโฆษกกระทรวงพาณิชย์ของกัมพูชา กล่าวว่าความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ข้อตกลงการค้าเสรีกัมพูชา-จีน (CCFTA) และข้อตกลงการค้าเสรีกัมพูชา-สาธารณรัฐเกาหลี (CKFTA) จะช่วยกัมพูชาหลุดพ้นจากสถานะและบรรลุเป้าหมายข้างต้นในปี 2573 ตลอดจนกลายเป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2593
เพ็ญกล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่าความตกลงฯ พร้อมด้วยข้อตกลงการค้าเสรีทวิภาคีอื่นๆ ไม่เพียงส่งเสริมการเติบโตทางการค้าที่ยั่งยืนของกัมพูชา แต่ยังเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคประกอบด้วย 15 ประเทศเอเชียแปซิฟิก ซึ่งรวมถึง 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม และคู่ค้าทั้งห้า ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
ด้านธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) เผยว่า กัมพูชาผ่านเกณฑ์การหลุดพ้นจากสถานะประเทศพัฒนาน้อยที่สุดครั้งแรกในปี 2564 หลังจากถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศดังกล่าวมานาน 2 ทศวรรษ โดยมีแผนหลุดพ้นจากสถานะนี้เร็วที่สุดในปี 2570 ซึ่งจะเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญที่สะท้อนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอันมีนัยสำคัญ