องค์กรบรรเทาทุกข์และจัดหางานแห่งสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) ซึ่งเป็นหน่วยงานของสหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) รายงานว่า มีชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 340,000 คนต้องพลัดถิ่น นับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งซึ่งกำลังดำเนินอยู่ระหว่างกลุ่มติดอาวุธฮามาสและอิสราเอล
UNRWA ระบุในแถลงการณ์ที่ส่งมอบให้กับสำนักข่าวซินหัวของจีนว่า ปัจจุบันผู้พลัดถิ่นภายในพื้นที่ขัดแย้งมีจำนวน 218,600 คน โดยอาศัยอยู่ในโรงเรียน 92 แห่งในเครือของหน่วยงานสหประชาชาติตามพื้นที่ต่าง ๆ ของฉนวนกาซา
UNRWA กล่าวว่ามีอีกหลายคนพักพิงอยู่ในโรงเรียนของรัฐบาลและอาคารอื่น ๆ และจำนวนผู้พลัดถิ่นเพิ่มขึ้นทุกวัน พร้อมเสริมว่าศูนย์พักพิงมีผู้คนแออัดยัดเยียด อีกทั้งอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวก และน้ำดื่มล้วนมีอยู่อย่างจำกัด
UNRWA เตือนว่า วิกฤตน้ำขาดแคลนกำลังเกิดขึ้นในศูนย์พักพิงของ UNRWA และทั่วฉนวนกาซา เนื่องจากขาดไฟฟ้าที่มีความจำเป็นต่อการเดินเครื่องสูบน้ำและต้องใช้ในโรงงานแยกเกลือออกจากน้ำ อีกทั้งปริมาณน้ำในตลาดท้องถิ่นก็มีอยู่อย่างจำกัด
ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (7 ต.ค.) กลุ่มติดอาวุธฮามาสเปิดฉากโจมตีหลายเมืองทางตอนใต้ของอิสราเอลที่อยู่ติดกับฉนวนกาซา ส่งผลให้อิสราเอลโจมตีตอบโต้ในกาซาอันเป็นดินแดนที่ถูกปิดล้อมของชาวปาเลสไตน์ โดยการปะทะกันได้สร้างความเสียหายอย่างหนักแก่ทั้งสองฝ่าย