สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดี (11 ก.ค.) กัมพูชาได้เผยแพร่นโยบายแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ระหว่างปี 2567-2573 โดยระบุว่า รัฐบาลกัมพูชาตั้งเป้าเพิ่มจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าเป็น 30,000 คันภายในปี 2573 ทั้งวางแผนที่จะเพิ่มจำนวนสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าแตะ 720,000 คัน และรถสามล้อไฟฟ้าเป็น 20,000 คันภายในปีเดียวกัน
ข่าวประชาสัมพันธ์จากรัฐบาลกัมพูชาเผยว่า นโยบายดังกล่าวมุ่งเปลี่ยนผ่านกัมพูชาให้เป็นประเทศที่มียานพาหนะไฟฟ้าที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนและบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจนรับรองชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน โดยรถยนต์ไฟฟ้านั้นได้รับความนิยมในกัมพูชา เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงต่ำกว่าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
รถยนต์ไฟฟ้ามีต้นทุนพลังงานเพียง 9,633 เรียล (ราว 85 บาท) ต่อการวิ่งระยะทาง 100 กิโลเมตร ขณะที่ต้นทุนพลังงานสำหรับรถยนต์เบนซินหรือดีเซลมีราคาสูงถึง 35,723 เรียล (ราว 315 บาท)
ปัจจุบัน กัมพูชาจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ 1,614 คัน สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า 914 คัน และรถสามล้อไฟฟ้า 440 คัน รวมถึงมีสถานีชาร์จ 21 แห่ง
กระทรวงโยธาธิการและการขนส่งของกัมพูชาเผยว่า 3 แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยมในกัมพูชาประกอบด้วยบีวายดีของจีน โตโยต้าของญี่ปุ่น และเทสลาของอเมริกา
รัฐบาลกัมพูชาได้ลดภาษีนำเข้ายานยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2564 เหลือต่ำกว่าภาษีสำหรับยานยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบเดิมราว 50%
อุดม พิเซย์ ผู้จัดการแผนกยานยนต์ไฟฟ้าของบริษัท คาร์4ยู (Car4you) ซึ่งนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า เลติน เมนโก (Letin Mengo) จากจีน กล่าวว่า ยานยนต์ไฟฟ้ามีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวน้อยกว่ายานยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินหรือดีเซล ค่าบำรุงรักษาและซ่อมแซมจึงถูกกว่ายานยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน อีกทั้งช่วยประหยัดเงินค่าน้ำมันและลดมลพิษทางอากาศด้วย