สื่อสหรัฐฯ อ้างอิงวารสารวิชาการแอนนัลส์ ออฟ อินเทอร์นัล เมดิซีน (Annals of Internal Medicine) ว่า ชาวอเมริกันอายุเกิน 60 ปี จำนวนเกือบ 1 ใน 3 หรือคิดเป็นราว 19 ล้านคน กินยาแอสไพรินเป็นประจำทุกวัน
รายงานของฮาร์วาร์ด เฮลธ์ (Harvard Health) เผยว่า แอสไพรินเป็นยาที่หาซื้อได้ทั่วไปและถูกนำมาใช้ด้วยเหตุผลหลายประการ โดยนอกจากบรรเทาอาการปวดแล้ว แพทย์อาจสั่งจ่ายแอสไพรินให้ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งภาวะสุขภาพร้ายแรงทั้งสองนี้เกิดขึ้นเมื่อคราบหินปูนก่อตัวในหลอดเลือดแดง ซึ่งอาจทำให้เลือดไหลเวียนช้าลงและเกิดลิ่มเลือดขนาดเล็กได้
ไมเคิล เจ. บลาฮา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยทางคลินิกแห่งศูนย์จอห์นส์ ฮอปกินส์ ซิคคาโรน เพื่อการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด กล่าวว่าแอสไพรินสามารถลดความเสี่ยงการเกิดหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง อีกทั้งลดความเสี่ยงจากลิ่มเลือดชนิดอื่น ๆ ได้ในระดับหนึ่ง เช่น ลิ่มเหลือดในหลอดเลือดดำส่วนลึกของขา
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การใช้แอสไพรินในปริมาณน้อยนั้นอาจต้านการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด จึงช่วยลดการก่อตัวของลิ่มเลือดได้
การต้านการแข็งตัวของเลือด ซึ่งลดโอกาสเกิดลิ่มเลือด ถือเป็นข้อดีสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อปัญหาหัวใจและหลอดเลือด ทว่าสิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าแอสไพรินจะเหมาะกับทุกคนเสมอไป
บลาฮาเสริมว่า เรามักเลือกแนวทางป้องกันเลือดแข็งตัวสำหรับการรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด เพราะส่วนใหญ่แล้วโรคชนิดนี้มักมีสาเหตุมาจากลิ่มเลือด แต่วิธีการนี้อาจมาพร้อมความเสี่ยงที่เลือดจะออกง่ายขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้