วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล เจาะลึกภาวะ Burnout Syndrome วิธีแก้ และกิจกรรมที่จะช่วยเติมพลังในตัวคุณ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 15, 2020 13:35 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 ม.ค.--วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล - เผยผลงานวิจัย "การตลาดเติมพลัง "BURNOUT IN THE CITY: ก่อนสังคมจะหมดไฟ ธุรกิจอะไรที่ตอบโจทย์คุณ" - ประชากรวัยทำงานในกรุงเทพฯ มากถึง 69% เครียดจนน่าเป็นห่วง - เสวนาเจาะลึกแนวทางการทำการตลาดแบบเติมไฟคนวัยทำงานที่กำลังเข้าสู่ภาวะหมดไฟ จาก 3 แขกรับเชิญ ได้แก่ คุณธงชัย ชลศิริพงษ์ พิธีกรชื่อดังจาก Brand Inside คุณวิสิทธิ์ ถิระโสภณ Team Leader Content จากแอปพลิเคชั่นฟังเพลงยอดฮิต JOOX และคุณณัฐวุฒิ เจียรพัฒน์ เจ้าของเพจ French Buta ที่มีผู้ติดตามกว่า 2 แสนคน 15 ม.ค.นี้ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ ซีเอ็มเอ็มยู (CMMU) เผยผลข้อมูลงานวิจัยหัวข้อการตลาดเติมพลัง "BURNOUT IN THE CITY" พบว่า ผู้บริโภควัยทำงานในกรุงเทพฯ จำนวน 12% อยู่ในภาวะหมดไฟในการทำงาน หรือเบิร์นเอาท์ ซินโดรม (Burnout Syndrome) และมีจำนวนมากถึง 57% ที่อยู่ในภาวะที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าสู่ภาวะหมดไฟ เมื่อปี 2562 องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ประกาศให้ Burnout Syndrome เป็นภาวะทางสุขภาพที่ต้องได้รับการดูแลรักษา และเป็นภาวะที่กำลังจะเกิดในสังคมคนเมืองและคนรุ่นใหม่มากขึ้น ซึ่งภาวะหมดไฟหรือหมดแรงบันดาลใจในการทำงานนี้ งานวิจัยของต่างประเทศระบุว่าอาจส่งผลให้กลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ในระยะยาว และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 2 ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ มีจำนวนผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากต่อปี วันนี้ภาวะหมดไฟจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดลจึงศึกษาพฤติกรรมของผู้ที่อยู่ในภาวะหมดไฟ เสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะหมดไฟ และผู้ที่มีพลังใจในการทำงานสูง ว่ากลุ่มผู้บริโภควัยทำงานเหล่านี้ทำกิจกรรมอะไร เพื่อที่จะคลายความเครียดที่กำลังเผชิญ หรือเพิ่มพลังใจที่หดหายให้กลับมาและสู้กับสถานการณ์ที่เจอ เพื่อที่จะได้กลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ วิทยาลัยการจัดการมหิดล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ริเริ่มจัดงานสัมมนาการตลาด ต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี และได้รับความสนใจจากบรรดาผู้ประกอบการ นักการตลาด รวมถึงสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ โดยหยิบยกประเด็นสำคัญที่กำลังถูกพูดถึงในสังคมหรือควรค่าแก่การศึกษาเพื่อต่อยอดความคิดทางการตลาด ส่งต่อให้เกิดกลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ ทีมผู้จัดงานเห็นว่าปัญหาความเครียดที่เกิดขึ้นภายในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสังคมเมือง หรือที่กำลังลุกลามไปทั่วโลก อาจทำให้เกิดปัญหาในอนาคตได้ เราจึงจำเป็นที่ต้องเตรียมรับมือกับปัญหา และเยียวยาผู้คนในสังคม เพื่อให้อาการที่เกิดขึ้นนั้นบรรเทาเบาบางลง จนสามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติ จากการเก็บผลสำรวจผู้บริโภควัยทำงานในกรุงเทพมหานครในช่วงปลายปี 2562 จำนวน 1,280 คนโดยในจำนวนนั้นเป็นผู้หญิง 66% ผู้ชาย 34% พบว่า 12% อยู่ในภาวะหมดไฟในการทำงาน 57% อยู่ในภาวะที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าสู่ภาวะหมดไฟ และมีจำนวนเพียง 31% เท่านั้นที่อยู่ในภาวะไฟแรง เมื่อคิดเป็นสัดส่วนของประชากรในกรุงเทพมหานคร มากกว่า 3.7 ล้านคน* อยู่ในภาวะเครียดจนน่าเป็นห่วง (*จำนวนประชากรวัยทำงานในกรุงเทพจำนวน 5.3 ล้านคน) โดยผลสำรวจพบว่า ช่วงอายุที่น้อยลงกลับมีโอกาสที่จะเข้าสู่ภาวะหมดไฟได้มากกว่า โดยกลุ่ม Gen Z หรือช่วงอายุต่ำว่า 22 ปี กำลังตกอยู่ในภาวะหมดไฟมากที่สุดถึง 17% ขณะที่กลุ่ม Gen Y หรือช่วงอายุ 23 – 38 ปี ก็ตกอยู่ในสภาวะใกล้เคียงกันที่ 13% แต่กลับกันในกลุ่ม Baby boomer หรือช่วงอายุ อายุ 55 - 73 ปี กลับอยู่ในภาวะหมดไฟเพียง 7% โดยเมื่อดูตามกลุ่มอาชีพ พบว่า พนักงานรัฐวิสาหกิจคือกลุ่มที่อยู่ในภาวะหมดไฟ และกำลังเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะหมดไฟมากเป็นอันดับแรกที่ 77% รองลงมาคือ พนักงานเอกชน 73% และข้าราชการที่ 58% และธุรกิจส่วนตัว 48% ซึ่งมี 3 สาเหตุหลักที่ทำให้อยู่ในภาวะหมดไฟ 1. งาน OVERLOAD: ภาระงานที่เยอะและไม่สมดุลกับปริมาณคนทำงาน 2. NO MODE สนับสนุน: ไม่ใช้เครื่องมือหรือระบบที่เหมาะสมทำให้ไม่สามารถลดเวลาและกระบวนการทำงานได้ 3. โครงสร้างวุ่นๆ กับเจ้านายเย็นชา: หัวหน้างานที่ขาดความรับผิดชอบ ไม่รับฟังความคิดเห็นรวมถึงโครงสร้างองค์กรที่ไม่มีความยืดหยุ่น เมื่อภาวะหมดไฟไม่ใช่เรื่องไกลตัวอักต่อไป จึงต้องมีกิจกรรมที่จะมาช่วยคลายความเครียดจากการทำงานในแต่ละวัน กลุ่มกิจกรรมที่ช่วยคลายความเครียด ได้แก่ การใช้โซเชียลมีเดีย การพูดคุยกับครอบครัว การพูดคุยกับเพื่อน การฟังเพลง การออกกำลังกาย การเล่นเกมส์ รับประทานอาหารที่อร่อย การทำบุญ การชมภาพยนตร์ จากผลการสำรวจความคิดเห็นผลว่า กิจกรรมที่ผู้ชายเลือกใช้เพื่อคลายเครียด 3 ลำดับแรก คือ การเล่นเกมส์ การออกกำลังกาย การใช้โซเชียลมีเดีย ขณะที่กิจกรรมที่ผู้หญิงเลือกทำเพื่อคลายเครียด 3 ลำดับแรก ได้แก่ การพูดคุยกับเพื่อน การใช้โซเชียลมีเดีย การพูดคุยกับครอบครัว และเมื่อแบ่งตามเจเนอเรชั่น กลุ่ม Baby Boomer เลือกที่จะการออกกำลังกาย การสวดมนต์ การพูดคุยกับครอบครัว กลุ่ม Gen X เลือกการใช้โซเชียลมีเดีย การพูดคุยกับเพื่อน การพูดคุยกับครอบครัว ส่วนกลุ่ม Gen Y เลือกการใช้โซเชียลมีเดีย การพูดคุยกับเพื่อน การพูดคุยกับครอบครัว ในกลุ่ม Gen Z เลือกการใช้โซเชียลมีเดีย การฟังเพลง การพูดคุยกับครอบครัว และกิจกรรมที่กลุ่มคนไฟแรงเลือกใช้ คือ การพูดคุยกับครอบครัว การออกกำลังกาย การใช้โซเชียลมีเดีย ดังนั้น หากคุณคิดว่า ตัวเองกำลังทรมานจากความเหนื่อยหน่าย การลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะหมดไฟคือการเลือกใช้กิจกรรมที่เหมาะสม และไม่มากจนเกินไป ก็จะมีส่วนช่วยผ่อนคลายความเครียดและเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้กลับมามีไฟกันอีกครั้ง กลยุทย์การตลาดที่จะมาช่วยเติมไฟ เพิ่มความสดชื่น สดใจ ลดภาวะหมดไฟ ที่นักการตลาด เจ้าของธุรกิจ หรือ ผู้ประกอบแต่ละขนาดจะสามารถนำไอเดียไปพัฒนาธุรกิจให้ตอบโจทย์ผู้ที่กำลังเผชิญกับความเครียด และเติมพลังไฟให้ได้ คือFRESH Strategy FมาจากFulfill Friend and Family จากผลงานวิจัยพบว่าการพูดคุยกับเพื่อนและครอบครัวมาเป็น 2 อันดับแรก ในมุมมองของนักการตลาด อาจเริ่มจากกิจกรรมที่ใกล้ตัวก่อนเช่นการพูดคุย เพิ่มไอเดียทางธุรกิจจากการสร้างแอปพลิเคชั่นสำหรับการพูดคุยของครอบครัวขึ้นมาโดยเฉพาะให้มากขึ้น หลังจากนั้นพัฒนากิจกรรมที่มีขอบเขตที่กว้างขวางมากขึ้น เช่น ร่วมกันทำอาหาร ออกไปท่องเที่ยวกับครอบครัว ดูหนัง หรือแม้กระทั่งกิจกรรมยอดนิยมของวัยรุ่นในปัจจุบัน เช่น การเล่นบอร์ดเกม โดยผู้ผลิตหรือทางร้านอาจออกแบบกิจกรรมให้เน้นรูปแบบของครอบครัวมากขึ้น RมาจากRecharge your energy ความต้องการอย่างเร่งด่วนของคนหมดไฟ คือ พลังงานที่ช่วยให้กลับมามีพลังได้อีก จากผลการวิจัยในต่างประเทศระบุว่า สัตว์เลี้ยง มีผลช่วยเยียวยาจิตใจของคนที่มีอาการเครียดหรือซึมเศร้าได้ EมาจากEntertain ความบันเทิง เพราะเป็นตัวช่วยที่ง่ายที่สุดที่บรรเทาความเครียดลงได้ และยิ่งในปัจจุบันความบันเทิงมีหลายรูปแบบ ทั้ง ดูหนัง ฟังเพลง โซเชียล มีเดีย ที่หาได้ง่ายๆผ่านสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มต่างๆ แต่ในความธรรมดาเหล่านี้ นักการตลาดควรสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ของตัวเอง และสร้างความเฉพาะเจาะจงเพื่อให้ตรงกับกลุ่มลูกค้ามากที่สุด SมาจากStart something new เพราะการต้องติดอยู่กับสภาพแวดล้อมการทำงานแบบเดิมๆ งานที่หนัก ไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่สามารถออกไปไหนได้เพราะติดพันกับงาน ความคิด หรือสถานการณ์แบบเดิมๆ จนเกิดเป็นความเครียดสะสม ทางออกที่เราสามารถช่วยได้คือ การออกไปยังสถานที่ใหม่ๆ หรือเริ่มต้นทำกิจกรรมที่แปลกแตกต่างออกไปจากเดิม ให้ได้เจอสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น ไม่ต้องจมกับเรื่องน่าปวดหัวสักระยะ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวที่เน้นความสงบให้ธรรมชาติมาช่วยบำบัดจิตใจ หรือแบบแอดเวนเจอร์ ที่ไม่เน้นพักผ่อนร่างกาย แต่หัวใจได้ปลดปล่อยอย่างเต็มที่ ใช้ชีวิตให้สุดขีด เพราะการหยุดพักทำให้ไม่ต้องโฟกัสกับปัญหาที่ทำให้เราหมดไฟกับมันอยุ่ แล้วเมื่อเรามองกลับมาอาจค้นพบวิธีการแก้ปัญหาใหม่ๆ ออกมาได้เช่นกัน HมาจากHeal your health สุดท้ายแล้วปัญหาความเครียดสะสมเป็นปัญหาเรื่องสุขภาพ ซึ่งจะส่งผลไปต่อสุขจิตและสุขภาพกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชาว Burnout ทุกคนปรารถนาจะมีสุขภาพที่ดี ปัจจุบันความก้าวหน้าของเทคโนโลยีได้ช่วยพัฒนาให้มีอุปกรณ์ช่วยเหลือให้เราสุขภาพดีขึ้น อาทิ Chatbot ที่จะช่วยคุยกับคุณเพื่อระบายความเครียด คอยแนะนำเสมือนคนใกล้ตัวให้คุณวางใจได้ และในช่วงที่สองมีการจัดเสาวนาเพื่อเจาะลึกแนวทางการทำการตลาดแบบเติมไฟคนวัยทำงานที่กำลังเข้าสู่ภาวะหมดไฟ จาก 3 แขกรับเชิญ ได้แก่ - คุณธงชัย ชลศิริพงษ์ พิธีกรชื่อดังจาก Brand Inside - คุณวิสิทธิ์ ถิระโสภณ Team Leader Content จากแอพพลิเคชั่นฟังเพลงยอดฮิต JOOX และ - คุณณัฐวุฒิ เจียรพัฒน์ เจ้าของเพจ French Buta ที่มีผู้ติดตามกว่า 2 แสนคน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ