บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) (G Steel) เปิดเผยแผนลงทุนจำนวน 3 พันล้านบาทภายในระยะเวลา 3 ปีหลังจากนี้ เพื่อปรับปรุงเครื่องจักร เพิ่มขีดความสามารถด้านคุณภาพ และความสามารถในการควบคุมต้นทุน รวมถึงปรับปรุงเครื่องจักรที่เสื่อมสภาพ
เพื่อการลงทุนในโครงการเหล่านี้ G Steel ได้ทำสัญญากู้ยืมระยะยาวจากบริษัท นิปปอน สตีล ประเทศไทย (NSTH) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ของบริษัท นิปปอน สตีล คอร์ปอเรชั่น (NSC) ประเทศญี่ปุ่นในระยะแรกด้วยเงินทุนจำนวน 1.6 พันล้านบาท
ด้วยการลงทุนในครั้งนี้ G Steel มุ่งมั่นที่จะพลิกฟื้นการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่จะมีส่วนสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจและสังคมไทย ด้วยการส่งมอบเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนที่มีคุณภาพสูงให้แก่ลูกค้าที่มีความต้องการอย่างหลากหลายในประเทศไทย
อุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศไทยนับเป็นส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และยังเป็นส่วนเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต ทำให้ประเทศไทยคงความเป็นศูนย์กลางการผลิตอีกด้วย
ทั้งนี้หลังจาก NSC ได้เข้าถือหุ้นหลักของ G Steel เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565 ด้วยการสนับสนุนทางเทคนิคและการจัดการจาก NSC บริษัทฯ กำลังอยู่ในขั้นตอนของการปรับปรุงขีดความสามารถของบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดย NSC เป็นบริษัทเหล็กที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก ด้วยประสบการณ์การดำเนินงานมากกว่า 60 ปีในประเทศไทย และได้ส่งมอบเหล็กคุณภาพสูงให้แก่อุตสาหกรรมการผลิต ตอบสนองความต้องการของสังคมไทย ปัจจุบันกลุ่ม NSC ได้ดำเนินงานโดย 30 บริษัทโดยมีพนักงานรวมมากกว่า 8,000 คนในประเทศไทย โดย NSC มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจในประเทศไทย รวมทั้ง G Steel
G Steel ได้ดำเนินงานเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่การผลิต และพัฒนาขีดความสามารถด้านคุณภาพ และความสามารถทางการแข่งขันด้านต้นทุน เพื่อเพิ่มความไว้วางใจให้แก่ลูกค้า เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มขีดความสามารถดังกล่าว G Steel ได้ตัดสินใจลงทุนประมาณ 3 พันล้านบาทในช่วงเวลา 3 ปีหลังจากนี้ไป โดยการลงทุนครั้งนี้ประกอบไปด้วย 1) การลงทุนในเครื่องรีดปรับผิวเหล็ก (Skin Pass) เพื่อพัฒนาคุณภาพและขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ 2) การพัฒนาระบบการจัดการวัตถุดิบเศษเหล็ก ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และเสริมความเข้มแข็งของระบบรีไซเคิล 3) การลงทุนในการปรับปรุงเครื่องจักรที่เสื่อมสภาพให้มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น โดยการลงทุนนี้จะส่งเสริมให้ G Steel สามารถสร้างโครงสร้างผลกำไรที่แข็งแกร่ง
การเป็นผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนครบวงจรกลุ่มเดียวในประเทศไทย (รวมถึงบริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) (GJS)) G Steel จึงมุ่งมั่นให้ความสำคัญในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ด้วยการส่งมอบวัสดุที่มีคุณภาพและต้นทุนที่แข่งขันได้ ในระยะเวลาส่งมอบที่รวดเร็ว นอกจากนี้ G Steel ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนด้วยเตาอาร์คไฟฟ้า (Electric Arc Furnace) จึงมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำและยังเป็นผู้รีไซเคิลเศษเหล็กรายใหญ่ในประเทศไทย (รวมถึง GJS) G Steel ได้รับใบรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) การเป็นผู้ผลิตที่ปลดปล่อยคาร์บอนต่ำจะช่วยส่งเสริมการขายด้วยผลิตภัณฑ์เหล็กที่ปลดปล่อยคาร์บอนต่ำสู่ตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ทั้งหมดนี้มีส่วนสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงเป้าหมายของรัฐบาลในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนและเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อีกด้วย