หมวด 1
การกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ส่วนที่ 2
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
มาตรา 17 ให้จัดตั้งสำนักงานขึ้นเรียกว่า "สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์" และให้มีฐานะเป็นนิติบุคคล
มาตรา 18 ให้สำนักงานมีสำนักงานแห่งใหญ่ในกรุงเทพมหานครหรือจังหวัดใกล้เคียง และจะตั้งสาขาหรือตัวแทนขึ้น ณ ที่อื่นใดก็ได้
มาตรา 19 ให้สำนักงานมีอำนาจและหน้าที่ปฏิบัติการใด ๆ เพื่อให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการ ก.ล.ต. และปฏิบัติงานอื่นตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้
อำนาจและหน้าที่ของสำนักงานตามวรรคหนึ่ง ให้รวมถึง
(1) ถือกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองหรือมีทรัพย์สินต่าง ๆ สร้าง ซื้อ จัดหาขาย จำหน่าย เช่า ให้เช่า เช่าซื้อ ให้เช่าซื้อ ยืม ให้ยืม รับจำนำ รับจำนอง แลกเปลี่ยน โอนรับ โอนหรือดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินทั้งในและนอกราชอาณาจักรตลอดจนรับทรัพย์สินที่มีผู้มอบให้
(2) กู้ยืมเงินหรือให้กู้ยืมเงินและลงทุนหาผลประโยชน์
(3) กำหนดค่าธรรมเนียมการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการจดทะเบียนและการยื่นคำขอต่างๆ
(4) รับค่าธรรมเนียมต่างๆ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงหรือตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. และสำนักงานกำหนด
ทั้งนี้ เฉพาะเพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการของสำนักงาน
มาตรา 20 ให้คณะรัฐมนตรีโดยคำแนะนำของรัฐมนตรีแต่งตั้งเลขาธิการและให้เลขาธิการมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปีและอาจได้รับการแต่งตั้งใหม่อีกได้ แต่จะแต่งตั้งให้อยู่ในตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระมิได้
มาตรา 21 เลขาธิการต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
(1) เป็นผู้สามารถปฏิบัติงานเต็มเวลาให้แก่สำนักงาน
(2) ไม่เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย
(3) ไม่เป็นข้าราชการการเมือง หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นซึ่งได้รับเลือกตั้งหรือเป็นสมาชิกหรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง
(4) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ พนักงานหรือลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐอื่นหรือของราชการส่วนท้องถิ่น
(5) ไม่ดำรงตำแหน่งหรือหน้าที่ใดหรือมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องเป็นบริษัทหลักทรัพย์
มาตรา 22 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ เลขาธิการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) มีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์
(4) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 21
(5) คณะรัฐมนตรีมีมติให้ออกตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. เนื่องจากกระทำความผิดต่อหน้าที่ที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือบกพร่องต่อหน้าที่อย่างร้ายแรง
มาตรา 23 ให้เลขาธิการเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้าง และรับผิดชอบในการดำเนินกิจการทั้งปวงของสำนักงาน
ในการดำเนินกิจการ เลขาธิการต้องรับผิดชอบต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต.
มาตรา 24 ในกิจการของสำนักงานที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ให้เลขาธิการเป็นผู้แทนของสำนักงาน และเพื่อการนี้เลขาธิการจะมอบอำนาจให้ตัวแทนหรือบุคคลใดกระทำการเฉพาะอย่างแทนก็ได้
มาตรา 25 ให้สำนักงานมีทุนประเดิมประกอบด้วยเงินที่โอนมาตามมาตรา 319 และมาตรา 320
มาตรา 26 ให้สำนักงานจัดให้มีเงินสำรองประเภทต่าง ๆ ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดด้วยความเห็นชอบของรัฐมนตรี
มาตรา 27 บรรดาค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวง และค่าธรรมเนียมอื่นที่สำนักงานได้รับและรายได้อื่นอันได้มาจากการดำเนินงานของคณะกรรมการ ก.ล.ต. และสำนักงาน ให้ตกเป็นของสำนักงาน และเมื่อได้หักด้วยรายจ่ายและหักเป็นเงินสำรองตามมาตรา 26 แล้วเหลือเท่าใดให้นำส่งเป็นรายได้ของรัฐ
มาตรา 28 ให้พนักงานสำนักงานพ้นจากตำแหน่งเมื่อพนักงานผู้นั้นมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์
มาตรา 29 มิให้นำกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน ในส่วนที่เกี่ยวกับการจ่ายค่าชดเชยและการจ่ายเงินสมทบกองทุนเงินทดแทน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ และกฎหมายว่าด้วยพนักงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ มาใช้บังคับกับเลขาธิการ พนักงาน และลูกจ้างของสำนักงาน
มาตรา 30 ให้สำนักงานจัดให้มีระบบบัญชีที่เหมาะสมกับกิจการของสำนักงานและจัดให้มีการสอบบัญชีภายในเป็นประจำ
มาตรา 31 ให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชีของสำนักงาน และเสนอรายงานผลการสอบบัญชีต่อรัฐมนตรีภายในเก้าสิบวันนับจากวันสิ้นปีบัญชี
--ราชกิจจานุเบกษา--
การกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ส่วนที่ 2
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
มาตรา 17 ให้จัดตั้งสำนักงานขึ้นเรียกว่า "สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์" และให้มีฐานะเป็นนิติบุคคล
มาตรา 18 ให้สำนักงานมีสำนักงานแห่งใหญ่ในกรุงเทพมหานครหรือจังหวัดใกล้เคียง และจะตั้งสาขาหรือตัวแทนขึ้น ณ ที่อื่นใดก็ได้
มาตรา 19 ให้สำนักงานมีอำนาจและหน้าที่ปฏิบัติการใด ๆ เพื่อให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการ ก.ล.ต. และปฏิบัติงานอื่นตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้
อำนาจและหน้าที่ของสำนักงานตามวรรคหนึ่ง ให้รวมถึง
(1) ถือกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองหรือมีทรัพย์สินต่าง ๆ สร้าง ซื้อ จัดหาขาย จำหน่าย เช่า ให้เช่า เช่าซื้อ ให้เช่าซื้อ ยืม ให้ยืม รับจำนำ รับจำนอง แลกเปลี่ยน โอนรับ โอนหรือดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินทั้งในและนอกราชอาณาจักรตลอดจนรับทรัพย์สินที่มีผู้มอบให้
(2) กู้ยืมเงินหรือให้กู้ยืมเงินและลงทุนหาผลประโยชน์
(3) กำหนดค่าธรรมเนียมการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการจดทะเบียนและการยื่นคำขอต่างๆ
(4) รับค่าธรรมเนียมต่างๆ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงหรือตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. และสำนักงานกำหนด
ทั้งนี้ เฉพาะเพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการของสำนักงาน
มาตรา 20 ให้คณะรัฐมนตรีโดยคำแนะนำของรัฐมนตรีแต่งตั้งเลขาธิการและให้เลขาธิการมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปีและอาจได้รับการแต่งตั้งใหม่อีกได้ แต่จะแต่งตั้งให้อยู่ในตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระมิได้
มาตรา 21 เลขาธิการต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
(1) เป็นผู้สามารถปฏิบัติงานเต็มเวลาให้แก่สำนักงาน
(2) ไม่เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย
(3) ไม่เป็นข้าราชการการเมือง หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นซึ่งได้รับเลือกตั้งหรือเป็นสมาชิกหรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง
(4) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ พนักงานหรือลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐอื่นหรือของราชการส่วนท้องถิ่น
(5) ไม่ดำรงตำแหน่งหรือหน้าที่ใดหรือมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องเป็นบริษัทหลักทรัพย์
มาตรา 22 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ เลขาธิการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) มีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์
(4) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 21
(5) คณะรัฐมนตรีมีมติให้ออกตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. เนื่องจากกระทำความผิดต่อหน้าที่ที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือบกพร่องต่อหน้าที่อย่างร้ายแรง
มาตรา 23 ให้เลขาธิการเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้าง และรับผิดชอบในการดำเนินกิจการทั้งปวงของสำนักงาน
ในการดำเนินกิจการ เลขาธิการต้องรับผิดชอบต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต.
มาตรา 24 ในกิจการของสำนักงานที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ให้เลขาธิการเป็นผู้แทนของสำนักงาน และเพื่อการนี้เลขาธิการจะมอบอำนาจให้ตัวแทนหรือบุคคลใดกระทำการเฉพาะอย่างแทนก็ได้
มาตรา 25 ให้สำนักงานมีทุนประเดิมประกอบด้วยเงินที่โอนมาตามมาตรา 319 และมาตรา 320
มาตรา 26 ให้สำนักงานจัดให้มีเงินสำรองประเภทต่าง ๆ ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดด้วยความเห็นชอบของรัฐมนตรี
มาตรา 27 บรรดาค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวง และค่าธรรมเนียมอื่นที่สำนักงานได้รับและรายได้อื่นอันได้มาจากการดำเนินงานของคณะกรรมการ ก.ล.ต. และสำนักงาน ให้ตกเป็นของสำนักงาน และเมื่อได้หักด้วยรายจ่ายและหักเป็นเงินสำรองตามมาตรา 26 แล้วเหลือเท่าใดให้นำส่งเป็นรายได้ของรัฐ
มาตรา 28 ให้พนักงานสำนักงานพ้นจากตำแหน่งเมื่อพนักงานผู้นั้นมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์
มาตรา 29 มิให้นำกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน ในส่วนที่เกี่ยวกับการจ่ายค่าชดเชยและการจ่ายเงินสมทบกองทุนเงินทดแทน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ และกฎหมายว่าด้วยพนักงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ มาใช้บังคับกับเลขาธิการ พนักงาน และลูกจ้างของสำนักงาน
มาตรา 30 ให้สำนักงานจัดให้มีระบบบัญชีที่เหมาะสมกับกิจการของสำนักงานและจัดให้มีการสอบบัญชีภายในเป็นประจำ
มาตรา 31 ให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชีของสำนักงาน และเสนอรายงานผลการสอบบัญชีต่อรัฐมนตรีภายในเก้าสิบวันนับจากวันสิ้นปีบัญชี
--ราชกิจจานุเบกษา--