หมวด 4
คณะกรรมการสิทธิบัตร
มาตรา 66 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า "คณะกรรมการสิทธิบัตร" ประกอบด้วยปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกินสิบสองคน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง
คณะกรรมการจะแต่งตั้งบุคคลใดเป็นเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการก็ได้
มาตรา 67 กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี
ในกรณีที่กรรมการพ้นจากตำแหน่ง หรือในกรณีที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการเพิ่มขึ้นในระหว่างที่กรรมการซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วยังมีวาระอยู่ในตำแหน่ง ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งไว้ให้ดำรงตำแหน่งแทนหรือเป็นกรรมการเพิ่มขึ้นอยู่ในตำแหน่งเท่าวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งอาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้
มาตรา 68 กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระเมื่อ
(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) คณะรัฐมนตรีให้ออก
(4) เป็นบุคคลล้มละลาย
(5) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ หรือ
(6) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำนวนความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
มาตรา 69 การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่า กึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงเป็นองค์ประชุม ถ้าประธานกรรมการมาประชุมไม่หรือไม่สามารปฎิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม
การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก
กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นได้อีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
มาตรา 70 /1 คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดังนี้
(1) ให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาแก่รัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัตินี้
(2) วินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งหรือคำวินิจฉัยของอธิดีตามมาตรา 45 มาตรา 49 มาตรา 50 หรือมาตรา 72
(3) ปฏิบัติการตามมาตรา 41 หรือมาตรา 55
(4) พิจารณาเรื่องอื่น ๆ ตามที่รัฐมนตรีมอบหมาย
มาตรา 71 คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อพิจารณา เสนอความเห็นต่อคณะกรรมการและให้นำความในมาตรา 69 มาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม
มาตรา 72 /2 ในกรณีที่มีคำสั่งหรือคำวินิจฉัยอขงอธิบดีตามมาตรา 12 มาตรา 15 มาตรา 28 มาตรา 30 มาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 49 มาตรา 50 มาตรา 61 หรือมาตรา 65 ประกอบด้วยมาตรา 12 มาตรา 15 มาตรา 28 มาตรา 33 และมาตรา 34 ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตามมาตราดังกล่าวมีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการภายในหกสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำสั่งหรือคำวินิจฉัยขอธิบดีเป็นที่สุด
การอุทรธรณ์ตามวรรคหนึ่งให้ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ถ้ามีคู่กรณีให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งสำเนาอุทธรณ์ไปยังคู่กรณีด้วย
มาตรา 73 ในการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งหรือคำวินิจฉัยของอธิบดีหรือ พิจารณารายงานการสอบสวนของอธิบดีตามมาตรา 55 เพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิบัตร คณะกรรมการจะให้ผู้คัดค้านหรือผู้โต้แย้งหรือผู้ทรงสิทธิบัตรหรือผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิบัตรแล้วแต่กรณี นำพยานหลักฐานมาแสดงหรือแถลงเพิ่มเติมก็ได้ทั้งนี้ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
มาตรา 74 /3 เมื่อคณะกรรมการได้วินิจฉัยหรือมีคำสั่งตามมาตรา 41 มาตรา 49 มาตรา 50 มาตรา 55 หรือมาตรา 72 แล้ว ให้แจ้งคำวินิจฉัยหรือคำสั่งพร้อมด้วยเหตุผล ไปยังผู้อุทรธรณ์และคู่กรณีหรือผู้ทรงสิทธิบัตร หรือผู้ได้รับอนุญาตแล้วแต่กรณี ถ้าคู่กรณีไม่เห็นด้วยกับคำสั่งหรือคำวินิจฉัยนั้นมีสิทธิอุทธรณ์ต่อไปยังศาลได้ภายในหกสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัย ถ้าไม่ดำเนินคดีดังกล่าว ให้ถือว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเป็นที่สุด
ในการพิจารณาพิพากษาอรรคถคดีตามพระราชบัญญัตินี้ ห้ามมิให้ศาลสั่งคณะกรรมการหรืออธิบดีเสียค่าฤชาธรรมเนียมแทนฝ่ายอื่น
--ราชกิจจานุเบกษา--
—————————————————————————————
/1 มาตรา 70 แก้ไขโดย พระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 มาตรา 29
/2 มาตรา 72 วรรคหนึ่ง แก้ไขโดย พระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 มาตรา 30
/3 มาตรา 74 วรรคหนึ่ง แก้โดย พระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 มาตรา 31
คณะกรรมการสิทธิบัตร
มาตรา 66 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า "คณะกรรมการสิทธิบัตร" ประกอบด้วยปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกินสิบสองคน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง
คณะกรรมการจะแต่งตั้งบุคคลใดเป็นเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการก็ได้
มาตรา 67 กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี
ในกรณีที่กรรมการพ้นจากตำแหน่ง หรือในกรณีที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการเพิ่มขึ้นในระหว่างที่กรรมการซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วยังมีวาระอยู่ในตำแหน่ง ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งไว้ให้ดำรงตำแหน่งแทนหรือเป็นกรรมการเพิ่มขึ้นอยู่ในตำแหน่งเท่าวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งอาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้
มาตรา 68 กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระเมื่อ
(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) คณะรัฐมนตรีให้ออก
(4) เป็นบุคคลล้มละลาย
(5) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ หรือ
(6) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำนวนความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
มาตรา 69 การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่า กึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงเป็นองค์ประชุม ถ้าประธานกรรมการมาประชุมไม่หรือไม่สามารปฎิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม
การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก
กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นได้อีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
มาตรา 70 /1 คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดังนี้
(1) ให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาแก่รัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัตินี้
(2) วินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งหรือคำวินิจฉัยของอธิดีตามมาตรา 45 มาตรา 49 มาตรา 50 หรือมาตรา 72
(3) ปฏิบัติการตามมาตรา 41 หรือมาตรา 55
(4) พิจารณาเรื่องอื่น ๆ ตามที่รัฐมนตรีมอบหมาย
มาตรา 71 คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อพิจารณา เสนอความเห็นต่อคณะกรรมการและให้นำความในมาตรา 69 มาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม
มาตรา 72 /2 ในกรณีที่มีคำสั่งหรือคำวินิจฉัยอขงอธิบดีตามมาตรา 12 มาตรา 15 มาตรา 28 มาตรา 30 มาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 49 มาตรา 50 มาตรา 61 หรือมาตรา 65 ประกอบด้วยมาตรา 12 มาตรา 15 มาตรา 28 มาตรา 33 และมาตรา 34 ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตามมาตราดังกล่าวมีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการภายในหกสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำสั่งหรือคำวินิจฉัยขอธิบดีเป็นที่สุด
การอุทรธรณ์ตามวรรคหนึ่งให้ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ถ้ามีคู่กรณีให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งสำเนาอุทธรณ์ไปยังคู่กรณีด้วย
มาตรา 73 ในการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งหรือคำวินิจฉัยของอธิบดีหรือ พิจารณารายงานการสอบสวนของอธิบดีตามมาตรา 55 เพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิบัตร คณะกรรมการจะให้ผู้คัดค้านหรือผู้โต้แย้งหรือผู้ทรงสิทธิบัตรหรือผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิบัตรแล้วแต่กรณี นำพยานหลักฐานมาแสดงหรือแถลงเพิ่มเติมก็ได้ทั้งนี้ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
มาตรา 74 /3 เมื่อคณะกรรมการได้วินิจฉัยหรือมีคำสั่งตามมาตรา 41 มาตรา 49 มาตรา 50 มาตรา 55 หรือมาตรา 72 แล้ว ให้แจ้งคำวินิจฉัยหรือคำสั่งพร้อมด้วยเหตุผล ไปยังผู้อุทรธรณ์และคู่กรณีหรือผู้ทรงสิทธิบัตร หรือผู้ได้รับอนุญาตแล้วแต่กรณี ถ้าคู่กรณีไม่เห็นด้วยกับคำสั่งหรือคำวินิจฉัยนั้นมีสิทธิอุทธรณ์ต่อไปยังศาลได้ภายในหกสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัย ถ้าไม่ดำเนินคดีดังกล่าว ให้ถือว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเป็นที่สุด
ในการพิจารณาพิพากษาอรรคถคดีตามพระราชบัญญัตินี้ ห้ามมิให้ศาลสั่งคณะกรรมการหรืออธิบดีเสียค่าฤชาธรรมเนียมแทนฝ่ายอื่น
--ราชกิจจานุเบกษา--
—————————————————————————————
/1 มาตรา 70 แก้ไขโดย พระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 มาตรา 29
/2 มาตรา 72 วรรคหนึ่ง แก้ไขโดย พระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 มาตรา 30
/3 มาตรา 74 วรรคหนึ่ง แก้โดย พระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 มาตรา 31