พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 421) พ.ศ. 2547

ข่าวกฏหมายและประกาศ Monday October 11, 2004 12:16 —ประมวลรัษฎากร

                                  พระราชกฤษฎีกา 
ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 421)
พ.ศ. 2547
_____________________
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2547
เป็นปีที่ 59 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระยะเวลาการได้รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้จาก กำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล บางกรณี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 3(1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร(ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับ การจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 35 และมาตรา 48 ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้ โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร(ฉบับที่ 421) พ.ศ. 2547"
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิกความใน(1) ของมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร(ฉบับที่ 387) พ.ศ. 2544 และให้ใช้ความ ต่อไปนี้แทน
“(1) นำหลักทรัพย์ของตนมาจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2548”
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 387) พ.ศ. 2544 ได้กำหนดให้ ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้แก่บริษัทที่ นำหลักทรัพย์มาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือตลาดหลักทรัพย์ใหม่ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยจะต้องนำหลักทรัพย์ของตนมาจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2547 ซึ่งเป็นระยะเวลาภายในสามปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวใช้บังคับ แต่ เนื่องจากมีบริษัทจำนวนมากมีความประสงค์จะนำหลักทรัพย์ของตนมาจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนั้น เพื่อให้บริษัทมีการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยมีมาตรฐานยิ่งขึ้น และเพื่อกระจายการนำหุ้นใหม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่ให้กระจุกตัวมากเกินไปอันจะเป็นประโยชน์ต่อตลาดทุนโดยรวม สมควรขยายเวลาการนำ หลักทรัพย์มาจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2548 จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ