พระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 362)
พ.ศ. 2542
___________
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2542
เป็นปีที่ 54 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัท
บริหารสินทรัพย์บางกรณี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 3(1) แห่งประมวลรัษฎากร
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตรา
พระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ 362) พ.ศ. 2542"
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่สิ้นสุดหรือหลังวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2542 เป็นต้นไป
มาตรา 3 ในพระราชกฤษฎีกานี้
"บริษัทบริหารสินทรัพย์" หมายความว่า บริษัทบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์
"สถาบันการเงิน" หมายความว่า สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์
"สินทรัพย์ด้อยคุณภาพ" หมายความว่า สินทรัพย์ด้อยคุณภาพตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์
มาตรา 4 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากรให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์
สำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่รับซื้อหรือรับโอนจากสถาบันการเงินที่ถือหุ้นในบริษัทบริหารสินทรัพย์นั้นเกิน
กว่าร้อยละ 50 ของหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียง เท่ากับจำนวนที่บริษัทบริหารสินทรัพย์จ่ายเป็นเงินปันผลให้แก่สถาบันการเงิน โดย
บริษัทบริหารสินทรัพย์ต้องทำข้อตกลงกับสถาบันการเงินผู้ถือหุ้นและสถาบันการเงินผู้ถือหุ้นต้องยินยอมหักรายจ่ายอื่นลดลงเป็นจำนวนเท่ากับ
เงินปันผลที่ได้รับ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
มาตรา 5 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากรให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์
สำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่รับซื้อหรือรับโอนจากสถาบันการเงิน โดยบริษัทบริหารสินทรัพย์นั้นจะต้องมี
กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ถือหุ้นโดยตรงหรือโดยอ้อมไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียง
การถือหุ้นโดยอ้อมตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
มาตรา 6 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากรให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่
สถาบันการเงินหรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินถือหุ้นโดยตรงหรือโดยอ้อมเกินกว่าร้อยละ 50 ของหุ้นทั้งหมดที่มี
สิทธิออกเสียง สำหรับเงินได้เป็นจำนวนเท่ากับเงินสำรองที่บริษัทบริหารสินทรัพย์กันไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญตามหลักเกณฑ์
ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ทั้งนี้ เฉพาะส่วนที่ตั้งเพิ่มขึ้นจากเงินสำรองประเภทดังกล่าวที่ปรากฏในงบดุลของรอบระยะ
เวลาบัญชีก่อนเงินสำรองส่วนที่ตั้งเพิ่มขึ้นตามวรรคหนึ่ง ให้หมายความรวมถึงเงินสำรองที่ตั้งไว้ในรอบระยะเวลาบัญชีแรกของบริษัทบริหาร
สินทรัพย์ด้วยในกรณีที่รอบระยะเวลาบัญชีใดบริษัทบริหารสินทรัพย์ตั้งเงินสำรองประเภทดังกล่าวลดลงบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่จะได้รับยกเว้น
ภาษีเงินได้ตามวรรคหนึ่ง จะต้องหักรายจ่ายอื่นลดลงเป็นจำนวนเท่ากับเงินสำรองที่ตั้งลดลงในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นการถือหุ้นโดยอ้อม
ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
มาตรา 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ชวน หลีกภัย
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ.2541 ได้กำหนดให้
สถาบันการเงินสามารถจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์เพื่อดำเนินการรับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของสถาบันการเงินตลอดจนหลักประกัน
ของสินทรัพย์เพื่อนำมาบริหารหรือจำหน่ายจ่ายโอนต่อไปได้ แต่เนื่องจากบริษัทบริหารสินทรัพย์ยังคงมีภาระที่จะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการบริหารสินทรัพย์ จึงทำให้การจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมและ
สนับสนุนให้มีการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์สมควรยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ สำหรับกำไรสุทธิที่ได้รับจากการบริหาร
สินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่รับซื้อรับโอนจากสถาบันการเงิน และยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นจำนวนเท่ากับเงินสำรองที่กันไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือ
หนี้สงสัยจะสูญ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
--ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 116 ตอนที่ 132 ก--
ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 362)
พ.ศ. 2542
___________
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2542
เป็นปีที่ 54 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัท
บริหารสินทรัพย์บางกรณี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 3(1) แห่งประมวลรัษฎากร
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตรา
พระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ 362) พ.ศ. 2542"
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่สิ้นสุดหรือหลังวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2542 เป็นต้นไป
มาตรา 3 ในพระราชกฤษฎีกานี้
"บริษัทบริหารสินทรัพย์" หมายความว่า บริษัทบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์
"สถาบันการเงิน" หมายความว่า สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์
"สินทรัพย์ด้อยคุณภาพ" หมายความว่า สินทรัพย์ด้อยคุณภาพตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์
มาตรา 4 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากรให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์
สำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่รับซื้อหรือรับโอนจากสถาบันการเงินที่ถือหุ้นในบริษัทบริหารสินทรัพย์นั้นเกิน
กว่าร้อยละ 50 ของหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียง เท่ากับจำนวนที่บริษัทบริหารสินทรัพย์จ่ายเป็นเงินปันผลให้แก่สถาบันการเงิน โดย
บริษัทบริหารสินทรัพย์ต้องทำข้อตกลงกับสถาบันการเงินผู้ถือหุ้นและสถาบันการเงินผู้ถือหุ้นต้องยินยอมหักรายจ่ายอื่นลดลงเป็นจำนวนเท่ากับ
เงินปันผลที่ได้รับ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
มาตรา 5 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากรให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์
สำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่รับซื้อหรือรับโอนจากสถาบันการเงิน โดยบริษัทบริหารสินทรัพย์นั้นจะต้องมี
กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ถือหุ้นโดยตรงหรือโดยอ้อมไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียง
การถือหุ้นโดยอ้อมตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
มาตรา 6 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากรให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่
สถาบันการเงินหรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินถือหุ้นโดยตรงหรือโดยอ้อมเกินกว่าร้อยละ 50 ของหุ้นทั้งหมดที่มี
สิทธิออกเสียง สำหรับเงินได้เป็นจำนวนเท่ากับเงินสำรองที่บริษัทบริหารสินทรัพย์กันไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญตามหลักเกณฑ์
ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ทั้งนี้ เฉพาะส่วนที่ตั้งเพิ่มขึ้นจากเงินสำรองประเภทดังกล่าวที่ปรากฏในงบดุลของรอบระยะ
เวลาบัญชีก่อนเงินสำรองส่วนที่ตั้งเพิ่มขึ้นตามวรรคหนึ่ง ให้หมายความรวมถึงเงินสำรองที่ตั้งไว้ในรอบระยะเวลาบัญชีแรกของบริษัทบริหาร
สินทรัพย์ด้วยในกรณีที่รอบระยะเวลาบัญชีใดบริษัทบริหารสินทรัพย์ตั้งเงินสำรองประเภทดังกล่าวลดลงบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่จะได้รับยกเว้น
ภาษีเงินได้ตามวรรคหนึ่ง จะต้องหักรายจ่ายอื่นลดลงเป็นจำนวนเท่ากับเงินสำรองที่ตั้งลดลงในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นการถือหุ้นโดยอ้อม
ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
มาตรา 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ชวน หลีกภัย
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ.2541 ได้กำหนดให้
สถาบันการเงินสามารถจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์เพื่อดำเนินการรับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของสถาบันการเงินตลอดจนหลักประกัน
ของสินทรัพย์เพื่อนำมาบริหารหรือจำหน่ายจ่ายโอนต่อไปได้ แต่เนื่องจากบริษัทบริหารสินทรัพย์ยังคงมีภาระที่จะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการบริหารสินทรัพย์ จึงทำให้การจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมและ
สนับสนุนให้มีการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์สมควรยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ สำหรับกำไรสุทธิที่ได้รับจากการบริหาร
สินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่รับซื้อรับโอนจากสถาบันการเงิน และยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นจำนวนเท่ากับเงินสำรองที่กันไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือ
หนี้สงสัยจะสูญ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
--ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 116 ตอนที่ 132 ก--