พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 348) พ.ศ. 2542

ข่าวกฏหมายและประกาศ Thursday February 18, 1999 08:45 —ประมวลรัษฎากร

                                                พระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 348)
พ.ศ.2542
________________________
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542
เป็นปีที่ 54 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้าสินค้าบางกรณี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 3 (1) แห่งประมวลรัษฎากร
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้
ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
(ฉบับที่ 348)พ.ศ. 2542"
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2535 เป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้าสินค้าเพื่อนำไปใช้ในเขตพื้นที่พัฒนาร่วม ตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรร่วมไทย
- มาเลเซีย
มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ชวน หลีกภัย
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่ประเทศไทยและประเทศมาเลเซียได้ลงนามในความตกลงระหว่าง
รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งมาเลเซียว่าด้วยธรรมนูญและเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดตั้งองค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2533 ซึ่งในข้อ 17 (2) ของความตกลงดังกล่าวได้กำหนดว่า รัฐบาลของทั้งสองประเทศตกลงกันว่ากฎหมายใดที่
เกี่ยวกับการเก็บภาษีอากรซึ่งอยู่ในรูปของภาษีการค้าทั่วไป รวมทั้งภาษีใดๆ ที่เรียกเก็บสำหรับการจัดหาสินค้าและบริการในพื้นที่พัฒนาร่วมจะ
มินำมาใช้ในพื้นที่พัฒนาร่วม ซึ่งในปัจจุบันประเทศมาเลเซียได้ตรากฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามข้อ 17 (2) ของความตกลง ฯ แล้ว ดังนั้น
เพื่อให้การดำเนินการในส่วนของประเทศไทยเป็นไปตามความตกลงดังกล่าว สมควรยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้าสินค้าเพื่อนำไป
ใช้ในเขตพื้นที่พัฒนาร่วมตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ