พระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจการ
ที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ 371)
พ.ศ.2543
___________________________
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ.2543
เป็นปีที่ 55 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดกิจการของรัฐวิสาหกิจในส่วนของรายรับที่ได้รับเนื่องจากการดำเนินการนำทุนของรัฐวิสาหกิจมาเปลี่ยนสภาพ
เป็นหุ้นในรูปแบบของบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ตามกฎหมายว่าด้วยทุนรัฐวิสาหกิจ เป็นกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 91/3 (7) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไข
เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ.2534 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้
ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้น
ภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ 371) พ.ศ.2543"
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประากศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (16) ของมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนด
กิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ 240) พ.ศ.2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วย
การกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ 365) พ.ศ.2542
"(16) กิจการของรัฐวิสาหกิจในส่วนของรายรับที่ได้รับจากการขายอสังหาริมทรัพย์อันเนื่องมาจากการนำทุนบางส่วนหรือทั้งหมดมา
เปลี่ยนสภาพเป็นหุ้นในรูปแบบของบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดตามกฎหมายว่าด้วยทุนรัฐวิสาหกิจ"
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ชวน หลีกภัย
นายกรัฐมนตรี
___________________________________________________________
หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายตามแผนม่บทการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจในการแปรรูป
กิจการของรัฐวิสาหกิจเพื่อให้เอกชนเข้ามามีบทบาทในกิจการของรัฐเพิ่มมากขึ้นอันจะเป็นการเพิ่มการแข่งขันในกิจการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพ
ในการให้บริการ อีกทั้งเป็นการลดภาระในการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยทุนรัฐวิสาหกิจเป็นวิธีการหนึ่งในการปฏิบัติ
เพื่อให้เป็นไปตามแผนแม่บทดังกล่าว โดยหากรัฐบาลมีนโยบายให้รัฐวิสาหกิจใดเปลี่ยนรูปแบบเป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด โดยการ
เปลี่ยนทุนของรัฐวิสาหกิจเป็นหุ้นของบริษัทก็อาจดำเนินการตามกฎหมายฉบับนี้ได้ แต่โดยที่ในการดำเนินการจะต้องมีการโอนทรัพย์สินในกิจการ
ของรัฐวิสาหกิจให้แก่บริษัทอันเป็นการขายทรัพย์สินที่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ซึ่งจะก่อให้เกิดภาระภาษีแก่รัฐวิสาหกิจ สมควรยกเว้น
ภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่รัฐวิสาหกิจ สำหรับรายรับที่ได้รับจากการขายอสังหาริมทรัพย์อันเนื่องมาจากการดำเนินการนำทุนของรัฐวิสาหกิจมาเปลี่ยน
สภาพเป็นหุ้นในรูปแบบของบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดตามกฎหมายว่าด้วยทุนรัฐวิสาหกิจ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้