พระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ และกำหนด
ฐานภาษีสำหรับกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะบางกรณี (ฉบับที่ 391)
พ.ศ.2544
--------------------------
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2544
เป็นปีที่ 56 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ และกำหนดฐานภาษีสำหรับกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะบางกรณี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 91/2 (8) และมาตรา 91/5 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ และกำหนดฐานภาษีสำหรับกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะบางกรณี (ฉบับที่ 391) พ.ศ.2544"
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับนับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 2/1 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ และกำหนดฐานภาษีสำหรับกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะบางกรณี (ฉบับที่ 350) พ.ศ. 2542
"มาตรา 2/1 ในพระราชกฤษฎีกานี้
"กิจการซื้อและขายคืนหลักทรัพย์" หมายความว่า กิจการที่มีการตกลงกันระหว่างผู้ซื้อหลักทรัพย์และผู้ขายหลักทรัพย์ว่า ผู้ซื้อหลักทรัพย์ตกลงซื้อหลักทรัพย์จากผู้ขายหลักทรัพย์ โดยผู้ซื้อหลักทรัพย์จะขายคืนหลักทรัพย์ในอนาคตตามกำหนดเวลาและในราคาที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า
"หลักทรัพย์" หมายความว่า หลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์"
มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ และกำหนดฐานภาษีสำหรับกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะบางกรณี (ฉบับที่ 350) พ.ศ.2542 และกำหนดฐานภาษีสำหรับกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะบางกรณี (ฉบับที่ 350) พ.ศ.2542 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"มาตรา 3 กำหนดให้กิจการซื้อละขายคืนหลักทรัพย์ดังต่อไปนี้ เป็นกิจการที่อยู่ในบัลคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด
(1) กิจการที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(2) กิจการที่กระทำขึ้นระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยและสถาบันการเงิน หรือนิติบุคคลอื่นหรือระหว่างสถาบันการเงินและนิติบุคคลอื่น หรือระหว่างสถาบันการเงิน หรือระหว่างนิติบุคคลอื่นทั้งนี้ สถาบันการเงินและนิติบุคคลอื่นให้เป็นไปตามที่อธิบกดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด"
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้กิจการซื้อและขายคืนหลักทรัพย์ระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยและสถาบันการเงิน หรือนิติบุคคลอื่น หรือระหว่างสถาบันการเงินและนิติบุคคลอื่น หรือระหว่างสถาบันการเงิน หรือระหว่างนิติบุคคลอื่น หรือระหว่างสถาบันการเงินและนิติบุคคลอื่น หรือระหว่างสถาบันการเงิน หรือระหว่างนิติบุคคลอื่น เป็นกิจการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะเช่นเดียวกับกิจการซื้อและขายคืนที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากเป็นกิจการที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน อันจะเป็นประโยชน์แก่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยตรง จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ และกำหนด
ฐานภาษีสำหรับกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะบางกรณี (ฉบับที่ 391)
พ.ศ.2544
--------------------------
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2544
เป็นปีที่ 56 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ และกำหนดฐานภาษีสำหรับกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะบางกรณี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 91/2 (8) และมาตรา 91/5 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ และกำหนดฐานภาษีสำหรับกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะบางกรณี (ฉบับที่ 391) พ.ศ.2544"
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับนับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 2/1 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ และกำหนดฐานภาษีสำหรับกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะบางกรณี (ฉบับที่ 350) พ.ศ. 2542
"มาตรา 2/1 ในพระราชกฤษฎีกานี้
"กิจการซื้อและขายคืนหลักทรัพย์" หมายความว่า กิจการที่มีการตกลงกันระหว่างผู้ซื้อหลักทรัพย์และผู้ขายหลักทรัพย์ว่า ผู้ซื้อหลักทรัพย์ตกลงซื้อหลักทรัพย์จากผู้ขายหลักทรัพย์ โดยผู้ซื้อหลักทรัพย์จะขายคืนหลักทรัพย์ในอนาคตตามกำหนดเวลาและในราคาที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า
"หลักทรัพย์" หมายความว่า หลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์"
มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ และกำหนดฐานภาษีสำหรับกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะบางกรณี (ฉบับที่ 350) พ.ศ.2542 และกำหนดฐานภาษีสำหรับกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะบางกรณี (ฉบับที่ 350) พ.ศ.2542 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"มาตรา 3 กำหนดให้กิจการซื้อละขายคืนหลักทรัพย์ดังต่อไปนี้ เป็นกิจการที่อยู่ในบัลคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด
(1) กิจการที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(2) กิจการที่กระทำขึ้นระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยและสถาบันการเงิน หรือนิติบุคคลอื่นหรือระหว่างสถาบันการเงินและนิติบุคคลอื่น หรือระหว่างสถาบันการเงิน หรือระหว่างนิติบุคคลอื่นทั้งนี้ สถาบันการเงินและนิติบุคคลอื่นให้เป็นไปตามที่อธิบกดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด"
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้กิจการซื้อและขายคืนหลักทรัพย์ระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยและสถาบันการเงิน หรือนิติบุคคลอื่น หรือระหว่างสถาบันการเงินและนิติบุคคลอื่น หรือระหว่างสถาบันการเงิน หรือระหว่างนิติบุคคลอื่น หรือระหว่างสถาบันการเงินและนิติบุคคลอื่น หรือระหว่างสถาบันการเงิน หรือระหว่างนิติบุคคลอื่น เป็นกิจการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะเช่นเดียวกับกิจการซื้อและขายคืนที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากเป็นกิจการที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน อันจะเป็นประโยชน์แก่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยตรง จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้