พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 377) พ.ศ.2544

ข่าวกฏหมายและประกาศ Tuesday May 1, 2001 08:45 —ประมวลรัษฎากร

                                                พระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 377)
พ.ศ.2544
________________________________
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 28 เมษายน พ.ศ.2544
เป็นปีที่ 56 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรลดอัตราและยกเว้นรัษฎากรบางกรณี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 3 (1) แห่งประมวล
รัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2596 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า
ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและ
ยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 377) พ.ศ.2544"
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2544 เป็นต้นไป
มาตรา 3 ในพระราชกฤษฎีกานี้
"เงินเทียบเท่าเงินปันผล" หมายความว่า เงินที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ซึ่งเป็นผู้เสนอขายใบ
แสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทยตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จ่ายให้แก่ผู้ถือใบแสดงสิทธิในผล
ประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทยดังกล่าว เนื่องจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้จ่ายได้รับเงินปันผลจากหลักทรัพย์อ้างอิงที่ระบุตาม
ใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทยดังกล่าว
มาตรา 4 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากรให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วน
นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยที่มีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 99 ของหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียง และเป็น
ผู้เสนอขายใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทยตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ สำหรับรายได้ที่เป็น
(1) เงินปันผลที่ได้รับจากการถือครองหลักทรัพย์อ้างอิงที่ระบุตามใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย
(2) เงินได้จากการขายหลักทรัพย์อ้างอิงที่ระบุตามใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย
(3) เงินได้ที่ได้รับเนื่องจากการลงทุนหาผลประโยชน์ตามที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
มาตรา 5 ให้ลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 (2) (ก) แห่ประมวลรัษฎากรและคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ
10.0 ของเงินได้ สำหรับเงินได้พึงประเมินที่เป็นเงินเทียบเท่ากับเงินปันผลที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับยกเว้นเงินได้นิติบุคคลตาม
มาตรา 4 จ่ายให้แก่ผู้รับซึ่งมิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย
มาตรา 6 ผู้มีเงินได้ซึ่งอยู่ในประเทศไทยและได้รับเงินได้พึงประเมินที่เป็นเงินเทียบเท่าเงินปันผลจากบริษัทหรือ
ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 4 และยอมให้ผู้จ่ายเงินได้นั้นหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 (2) แห่ง
ประมวลรัษฎากรในอัตราร้อยละ 10.0 ของเงินได้ เมื่อถึงกำหนดยื่นรายการให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินเทียบเท่าเงินปันผลดังกล่าว
มารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่ผู้มีเงินได้ดังกล่าวไม่ขอรับเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้นคืน หรือไม่ขอเครดิตเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้น
ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
มาตรา 7 ให้ลดอัตราภาษีเงินได้ตาม (ข) ของ (2) สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลแห่งบัญชีอัตราภาษีเงินได้ท้าย
หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร และคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 10 ของเงินได้ สำหรับเงินได้พึงประเมินที่เป็นเงินเทียบเท่า
เงินปันผลที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทยได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน
นิติบุคคลที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 4
มาตรา 8 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้กำหนด
ให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจัดตั้งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขึ้นเพื่อทำหน้าที่ซื้อขายหลักทรัพย์แทนผู้ลงทุน โดยให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วน
นิติบุคคลดังกล่าวออกใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทยตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ให้แก่ผู้ลงทุน
การถือหลักทรัพย์โดยตรง ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนให้ตลาดทุนของประเทศแพร่หลายมากขึ้น แต่เนื่องจากการดำเนินงานของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน
นิติบุคคลดังกล่าวมีภาระต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล และเมื่อจ่ายเงินได้ที่เป็นผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนแล้วยังมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา
ร้อยละ 15 ของเงินได้ดังกล่าว นอกจากนั้นผู้ลงทุนไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามกฎหมายของต่างประเทศยังมี
ภาระต้องเสียภาษีเงินได้สำหรับผลตอบแทนที่ได้รับจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวในอัตราร้อยละ 15 ของเงินได้ที่ได้รับอีกด้วย
ดังนั้น สมควรยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เสนอขายใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย
ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และลดอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายให้แก่ผู้ลงทุนนั้นในประเทศและต่างประเทศ สำหรับเงินได้
พึงประเมินที่ได้รับจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าว รวมทั้งลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของ
ต่างประเทศ สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมกิจการของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน
นิติบุคคลที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้จัดตั้งขึ้นดังกล่าว และเพื่อส่งเสริมให้มีการลงทุนในหลักทรัพย์ไทยให้เป็นที่แพร่หลายมากขึ้น จึงจำเป็น
ต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ