พระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 389)
พ.ศ.2544
_____________________________
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ.2544
เป็นปีที่ 56 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่นิติบุคคลเฉพาะกิจตามกฎหมายว่าด้วยนิติบุคคล
เฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ บางกรณี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 3 (1)
แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10)
พ.ศ.2496 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการ
ยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 389) พ.ศ.2544"
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 ในพระราชกฤษฎีกานี้
"นิติบุคคลเฉพาะกิจ" หมายความว่า นิติบุคคลซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์
ตามกฎหมายว่าด้วยนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์
มาตรา 4 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่นิติบุคคล
เฉพาะกิจ สำหรับเงินได้เป็นจำนวนเท่ากับเงินสำรองที่นิติบุคคลเฉพาะกิจกันไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญ
ตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด ทั้งนี้ เฉพาะส่วนที่ตั้งเพิ่มขึ้นจากเงินสำรองประเภทดังกล่าวที่
ปรากฏในงบดุลของรอบระยะเวลาบัญชีก่อน
เงินสำรองส่วนที่ตั้งเพิ่มขึ้นตามวรรคหนึ่ง ให้หมายความรวมถึงเงินสำรองที่กันไว้ในรอบระยะเวลาบัญชี
แรกของนิติบุคคลเฉพาะกิจด้วย
ในกรณีที่เงินสำรองที่ตั้งไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญลดลงในระยะเวลาบัญชีใดและเงินสำรอง
ที่ลดลงนั้นเคยได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามวรรคหนึ่งมาแล้ว นิติบุคคลเฉพาะกิจผู้มีเงินได้ตามวรรคหนึ่ง จะต้อง
หักรายจ่ายอื่นลดลงเป็นจำนวนเท่ากับเงินสำรองที่ลดลงในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น
มาตรา 5 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ: เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่นิติบุคคลเฉพาะกิจซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินการ
รับโอนสินทรัพย์แล้วแปลงเป็นหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ยังคง
มีภาระที่จะต้องกันเงินสำรองไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญสำหรับสินทรัพย์ที่รับโอนมาเพื่อแปลงเป็นหลักทรัพย์
ซึ่งเงินสำรองดังกล่าวอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้นิติบุคคลเฉพาะกิจในการ
ดำเนินการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์เพื่อออกจำหน่ายแก่ผู้ลงทุน สมควรยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินได้
ของนิติบุคคลเฉพาะกิจดังกล่าวเป็นจำนวนเท่ากับเงินสำรองที่กันไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญ จึงจำเป็นต้อง
ตราพระราชกฤษฎีกานี้