พระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 452)
พ.ศ.2549
--------------------------
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2549
เป็นปีที่ 61 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นเงินภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัท ร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศ จำกัด
อาศัยอำนาจตามมาตราความในมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 3 (2)แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร(ฉบับที่ 10)พ.ศ.2496 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 35 และมาตรา 48 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 452)พ.ศ.2549"
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากรให้แก่บริษัท ร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศ จำกัด ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน พ.ศ.2547 เป็นต้นไป
มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย รัฐบาลแห่งประเทศมาเลเซีย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ว่าด้วยความร่วมมือด้านยางพาราได้กำหนดให้ภาคีจัดตั้งบริษัท ร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศ จำกัด โดยมีสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย เพื่อทำหน้าที่ในการซื้อขาย บริหารยางพารา และรักษาเสถียรภาพระดับราคายางพาราทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งกำหนดให้ผู้ร่วมลงทุนยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัท ร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศ จำกัด ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามบันทึกความเข้าใจดังกล่าวจึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 452)
พ.ศ.2549
--------------------------
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2549
เป็นปีที่ 61 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นเงินภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัท ร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศ จำกัด
อาศัยอำนาจตามมาตราความในมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 3 (2)แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร(ฉบับที่ 10)พ.ศ.2496 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 35 และมาตรา 48 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 452)พ.ศ.2549"
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากรให้แก่บริษัท ร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศ จำกัด ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน พ.ศ.2547 เป็นต้นไป
มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย รัฐบาลแห่งประเทศมาเลเซีย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ว่าด้วยความร่วมมือด้านยางพาราได้กำหนดให้ภาคีจัดตั้งบริษัท ร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศ จำกัด โดยมีสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย เพื่อทำหน้าที่ในการซื้อขาย บริหารยางพารา และรักษาเสถียรภาพระดับราคายางพาราทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งกำหนดให้ผู้ร่วมลงทุนยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัท ร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศ จำกัด ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามบันทึกความเข้าใจดังกล่าวจึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้