หมวด 2
การยึด อายัดทรัพย์สิน
ข้อ 9 เมื่อเลขาธิการมีคำสั่งยึด อายัดทรัพย์สินของนายจ้างหรือผู้ใดแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการยึด อายัดทรัพย์สินโดยไม่ชักช้าแล้วดำเนินการออกประกาศยึด อายัดทรัพย์สินนั้น ตามแบบท้ายระเบียบนี้
ข้อ 10 ให้ส่งคำสั่งยึด อายัดทรัพย์สินให้นายจ้างและหรือผู้ซึ่งถูกยึด อายัดทรัพย์สินทราบ ณ ภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่หรือสำนักงานของนายจ้างหรือผู้ซึ่งถูกยึด อายัดทรัพย์สิน การส่งคำสั่ง ณ สถานที่อื่นให้ใช้ได้ต่อเมื่อ
(1) นายจ้างหรือผู้ซึ่งถูกยึด อายัดทรัพย์สิน ยอมรับคำสั่งยึดอายัดทรัพย์สิน
(2) การส่งคำสั่งยึด อายัดทรัพย์สิน ได้กระทำ ณ สำนักงานประกันสังคม
ข้อ 11 การส่งคำสั่งตามข้อ 10 พนักงานเจ้าหน้าที่อาจส่งให้นายจ้าง หรือผู้ซึ่งถูกยึด อายัดทรัพย์สินโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ หรือนำไปส่ง ณ ภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่หรือสำนักงานของนายจ้าง หรือผู้ซึ่งถูกยึด อายัดทรัพย์สินในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของนายจ้าง หรือผู้ซึ่งถูกยึด อายัดทรัพย์สิน ถ้าไม่พบตัวบุคคลดังกล่าว จะส่งให้แก่บุคคลใดซึ่งบรรลุนิติภาวะซึ่งอยู่หรือทำงานในบ้านหรือสำนักงานที่ปรากฏว่าเป็นของนายจ้าง หรือผู้ซึ่งถูกยึด อายัดทรัพย์สินก็ได้
ถ้าไม่อาจส่งตามวิธีในวรรคหนึ่งได้ให้ปิดคำสั่งไว้ในที่ซึ่งเห็นได้ง่าย ณ ภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ หรือสำนักงานของนายจ้าง หรือผู้ซึ่งถูกยึด อายัดทรัพย์สิน เมื่อได้ดำเนินการดังกล่าวและเวลาได้ล่วงพ้นไปสิบห้าวัน ให้ถือว่านายจ้างหรือผู้ซึ่งถูกยึด อายัดทรัพย์สินได้รับคำสั่งแล้ว
ข้อ 12 พนักงานเจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการยึด อายัดทรัพย์สินในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตกหรือในระหว่างเวลาทำการของนายจ้าง เว้นแต่กรณีที่มีเหตุฉุกเฉินโดยได้รับอนุญาตจากเลขาธิการ
ข้อ 13 ในการยึด อายัดทรัพย์สิน ถ้ามีผู้ขัดขวางหรือมีพฤติการณ์ว่าจะมีผู้ขัดขวาง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ขอความช่วยเหลือจากเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อดำเนินการยึด อายัดทรัพย์สินจนได้
ข้อ 14 เมื่อได้ทำการยึด อายัดทรัพย์สินแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปิดประกาศการยึด อายัดทรัพย์สินไว้ ณ สถานที่และสำนักงานแห่งท้องที่ที่ทรัพย์สินตั้งอยู่ แห่งละหนึ่งฉบับ
ข้อ 15 การยึดทรัพย์สินของนายจ้าง กรณียึดสังหาริมทรัพย์ให้นำเอาสังหาริมทรัพย์นั้นมาเก็บรักษาไว้ ณ สถานที่ใดหรือแก่บุคคลใดตามที่เห็นสมควร หรือมอบไว้ในความอารักขาของนายจ้างหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินนั้นอยู่ และแจ้งให้นายจ้างทราบ การยึดทรัพย์สินประเภทนี้ให้ครอบคลุมถึงดอกผลแห่งทรัพย์สินนั้นด้วย
การเก็บรักษาทรัพย์ให้เป็นไปตามระเบียบที่เลขาธิการกำหนด
ข้อ 16 การยึดอสังหาริมทรัพย์ของนายจ้าง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จัดทำโดยนำเอาหนังสือสำคัญสำหรับทรัพย์สินนั้นมาเก็บรักษาหรือฝากไว้ ณ สถานที่ใด หรือแก่บุคคลใดตามที่เห็นสมควรและแจ้งการยึดนั้นให้นายจ้างและเจ้าพนักงานที่ดินผู้มีหน้าที่ทราบ ถ้าหนังสือสำคัญยังไม่ได้ออกหรือนำมาแสดงไม่ได้หรือหาไม่พบ ให้ถือว่าการที่ได้แจ้งการยึดต่อนายจ้างและเจ้าพนักงานที่ดินนั้นเป็นการยึดตามกฎหมายแล้ว
การยึดอสังหาริมทรัพย์นั้น ครอบไปถึงเครื่องอุปกรณ์และดอกผลนิตินัยของอสังหาริมทรัพย์นั้นด้วย เว้นแต่จะได้มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น ดอกผลธรรมดาที่นายจ้างจะต้องเป็นผู้เก็บเกี่ยวหรือบุคคลอื่นเก็บเกี่ยวในนามของนายจ้างนั้น เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้แจ้งเป็นหนังสือให้ทราบขณะทำการยึดว่าจะทำการเก็บเกี่ยวเองแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่อาจจะให้เก็บเกี่ยวดอกผลนั้นได้เมื่อถึงกำหนดและทำการขายทอดตลาดต่อไป
ข้อ 17 ในการยึดที่ดิน พนักงานเจ้าหน้าที่อาจนำเจ้าพนักงานที่ดินชี้ตำแหน่งที่ดินหรือรังวัดเขตกว้างยาวของที่ดินที่ยึด แล้วให้พนักงานเจ้าหน้าที่จัดทำแผนที่จำลองไว้
ข้อ 18 ในการยึดที่ดิน ถ้าที่ดินที่ยึดนั้นมีสิ่งปลูกสร้างหรือไม้ล้มลุกหรือธัญชาติอันจะเก็บเกี่ยวรวงผลได้คราวหนึ่งหรือหลายคราวต่อปีซึ่งเป็นของผู้อื่นปลูกอยู่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่บันทึกถ้อยคำของเจ้าของสิ่งนั้น ๆ ให้ปรากฏว่าปลูกอย่างไร เป็นต้นว่าอาศัยหรือมีสัญญาเช่าต่อกัน ฯลฯ
ข้อ 19 การยึดที่ดินซึ่งมีไม้ยืนต้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จดชนิดและประมาณจำนวนต้นไม้มาด้วย ส่วนกรณีการยึดโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จดขนาดกว้างยาวและบรรยายสภาพแห่งสิ่งนั้น ๆ ตามที่เห็นสมควร ถ้าเป็นสถานที่ให้เช่าค่าเช่าเท่าใด
ข้อ 20 การยึด อายัดทรัพย์สินนั้น ให้ยึด อายัดทรัพย์สินเฉพาะส่วนของนายจ้าง แต่ถ้ามีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย และไม่ปรากฏว่าส่วนใดเป็นส่วนของนายจ้าง ให้ยึด อายัดทรัพย์สินไว้ทั้งหมด
ข้อ 21 เมื่อได้ยึดทรัพย์สินแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แสดงการยึดทรัพย์ให้เห็นประจักษ์แจ้ง ดังนี้
(1) สิ่งของให้ปิดหรือผูกแผ่นหมายเลขสิ่งของที่ยึดให้ตรงตามบัญชีทรัพย์สิน ถ้าเก็บสิ่งของเข้าหีบหรือตู้ได้ ให้เก็บรวบรวมไว้แล้วปิดหีบหรือตู้ประทับตราครั่งอีกชั้นหนึ่ง
(2) ห้องแถวสิ่งปลูกสร้างให้ปิดเครื่องหมายไว้ทุกห้อง
(3) สัตว์พาหนะ ปศุสัตว์ หรือสัตว์อื่น ให้ใช้สีทาที่ตัวหรือจะใช้แผ่นเลขหมายผูกคอหรือต้อนเข้าคอกแล้วผูกเชือกประทับตราครั่งที่ประตูคอกไว้ก็ได้ แล้วแต่จะเห็นสมควรแต่อย่าให้เป็นการขัดข้องต่อการเลี้ยงรักษาสัตว์
ข้อ 22 ในกรณีที่นายจ้างมีสิทธิเรียกร้องต่อบุคคลภายนอก เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่เห็นสมควรอาจเสนอเลขาธิการเพื่อสั่งอายัดสิทธิเรียกร้องนั้น โดยห้ามลูกหนี้ของนายจ้างมิให้ชำระเงินหรือส่งมอบทรัพย์สินแก่นายจ้าง แต่ให้นำมาชำระหรือส่งมอบแก่สำนักงานภายในเวลาที่กำหนดไว้
คำสั่งอายัดนั้นอาจออกให้ได้ไม่ว่าหนี้ของบุคคลภายนอกนั้นจะมีข้อโต้แย้งหรือมีข้อจำกัด หรือเงื่อนไขหรือว่าได้กำหนดจำนวนไว้แน่นอนหรือไม่
ข้อ 23 การอายัดสิทธิเรียกร้องแห่งรายได้เป็นคราว ๆ นั้นรวมตลอดถึงจำนวนเงินซึ่งถึงกำหนดชำระภายหลังการอายัดนั้นด้วย
ถ้าสิทธิเรียกร้องของนายจ้างซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกในอันที่จะเรียกให้ชำระเงินจำนวนหนึ่งนั้นมีการจำนองเป็นประกัน การอายัดสิทธิเรียกร้องให้รวมตลอดถึงการจำนองด้วย แต่ทั้งนี้พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแจ้งคำสั่งอายัดนั้นไปยังเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ 24 การอายัดสังหาริมทรัพย์อันมีรูปร่างและอสังหาริมทรัพย์รวมทั้งสิทธิทั้งปวงอันมีอยู่ในทรัพย์สินเหล่านั้น ซึ่งบุคคลภายนอกจะต้องส่งมอบหรือโอนมายังนายจ้างในภายหลัง และเมื่อได้ส่งมอบหรือโอนมาแล้วก่อนเอาทรัพย์สินหรือสิทธิเหล่านั้นออกขายหรือจำหน่าย ในกรณีเช่นว่านี้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจจะยึดบรรดาเอกสารทั้งปวงที่ให้สิทธิแก่นายจ้างในอันที่จะได้รับส่งมอบหรือรับโอนทรัพย์สินหรือสิทธิเช่นว่ามานั้น
ในกรณีอายัดเงินที่บุคคลภายนอกจะต้องชำระให้แก่นายจ้างในภายหลัง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจที่จะยึดบรรดาเอกสารทั้งปวงที่ให้สิทธิแก่นายจ้างในอันที่จะได้รับชำระเงินเช่นว่านั้น
ข้อ 25 เมื่อได้มีการยึดทรัพย์สินแล้ว สิทธิเรียกร้องของนายจ้างอันมีต่อบุคคลภายนอกนั้น ให้จัดการดังต่อไปนี้
(1) ถ้าเป็นพันธบัตรและหลักทรัพย์ที่เป็นประกันซึ่งเป็นของนายจ้าง (ออกให้แก่ผู้ถือหรือออกในนามของนายจ้าง) พนักงานเจ้าหน้าที่จะขอให้เลขาธิการมีคำสั่งอนุญาตให้จำหน่ายสิ่งเหล่านั้นตามรายการขานราคาในวันที่ขายก็ได้ หากสิ่งเหล่านั้นได้มีรายการขานราคากำหนดไว้ ณ สถานแลกเปลี่ยนหรือจะขายโดยวิธีขายทอดตลาดดังกำหนดไว้ในหมวด 5 ก็ได้ ถ้ามิได้ขอเช่นว่านั้นหรือคำขอถูกยกเสียให้ขายสิ่งเหล่านั้นโดยวิธีขายทอดตลาด
(2) ถ้าเป็นตราสารเปลี่ยนมือ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ขอให้เลขาธิการมีคำสั่งอนุญาตให้จำหน่ายตามราคาที่ปรากฏในตราสาร หรือราคาต่ำกว่านั้นตามที่เลขาธิการเห็นสมควรกำหนด
(3) ถ้าเป็นสิทธิเรียกร้องขอให้ชำระเงินจำนวนหนึ่ง หรือเรียกให้ส่งมอบสิ่งของนอกจากที่กล่าวไว้ใน (1) และ (2) นี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่อายัดตามข้อ 22 ข้อ 23 ข้อ 36 หรือข้อ 37 และจำหน่ายทรัพย์สินต่อไป
(4) ถ้าเป็นสิทธิเรียกร้องอื่น ๆ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกคำสั่งให้บุคคลซึ่งต้องรับผิดในการชำระหนี้ตามสิทธิเรียกร้องนั้นมาพบ ถ้าบุคคลนั้นยินยอมชำระหนี้ให้แก่สำนักงาน ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จดบันทึกไว้ ถ้าบุคคลนั้นไม่มาหรือไม่ยินยอมชำระหนี้ดังกล่าวแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ขอให้เลขาธิการมีหนังสือแจ้งให้นายจ้างฟ้องตามเอกสารที่ได้ยึดนั้น ถ้าศาลพิพากษาถึงที่สุดให้นายจ้างชนะคดี นายจ้างต้องแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบจำนวนเงินที่รับชำระหนี้จากการนั้นด้วย ถ้านายจ้างขัดขืนหรือเพิกเฉยไม่ใช้สิทธิเรียกร้องดังกล่าว สำนักงานอาจใช้สิทธิเรียกร้องนั้นในนามของตนเองแทนนายจ้าง
ข้อ 26 ถ้าคำสั่งอายัดนั้นไม่มีการคัดค้าน และบุคคลภายนอกมิได้ปฎิบัติตามพนักงานเจ้าหน้าที่อาจขอให้เลขาธิการออกคำสั่งบังคับแก่บุคคลภายนอกนั้นและดำเนินการไปเสมือนหนึ่งว่าบุคคลนั้นเป็นนายจ้าง
ถ้าค่าแห่งสิทธิเรียกร้องซึ่งอายัดไว้นั้นต้องเสื่อมเสียไปเพราะความผิดของบุคคลภายนอกเนื่องจากการไม่ปฎิบัติตามคำสั่งเลขาธิการไม่ว่าด้วยประการใด ๆ บุคคลภายนอกเช่นว่านั้นต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่สำนักงานเพื่อความเสียหายใด ๆ ซึ่งเกิดขึ้นแก่สำนักงาน
ข้อ 27 การประมาณราคาที่ดินให้พิจารณาตามหลักเกณฑ์เหล่านี้ประกอบกัน คือ
(1) ราคาที่ดินตามราคาประเมินของคณะกรรมการกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์
(2) ราคาซื้อขายกันในท้องตลาด
(3) ราคาที่ดินตำบลนั้นหรือตำบลใกล้เคียงถ้าสามารถตรวจสอบได้
(4) ราคาซื้อขายหรือจำนองครั้งสุดท้ายของที่ดินที่ยึดหรือที่ดินข้างเคียง
ข้อ 28 การประมาณราคาทรัพย์สินนอกจากที่ดิน ให้ประมาณตามราคาซื้อขายในท้องตลาดตามสภาพความเก่าใหม่ของทรัพย์สินนั้น ๆ
ข้อ 29 การประมาณราคาทรัพย์สินที่มีการจำนำหรือจำนองให้ปฎิบัติเช่นเดียวกับข้อ 27 หรือข้อ 28 แต่ให้หมายเหตุว่า จำนำ จำนอง เมื่อใด ต้นเงินเท่าใด เพื่อประกอบดุลพินิจของผู้ขาย
ข้อ 30 ให้ผู้ซึ่งถูกยึด อายัดทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกร้องลงนามรับทราบการยึด อายัดทรัพย์สินนั้น ในกรณีที่ผู้ซึ่งถูกยึด อายัดทรัพย์สินลงลายมือชื่อไม่ได้ หรือไม่ยอมลงลายมือชื่อให้บันทึกเหตุแห่งการนั้นไว้
--ราชกิจจานุเบกษา--
การยึด อายัดทรัพย์สิน
ข้อ 9 เมื่อเลขาธิการมีคำสั่งยึด อายัดทรัพย์สินของนายจ้างหรือผู้ใดแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการยึด อายัดทรัพย์สินโดยไม่ชักช้าแล้วดำเนินการออกประกาศยึด อายัดทรัพย์สินนั้น ตามแบบท้ายระเบียบนี้
ข้อ 10 ให้ส่งคำสั่งยึด อายัดทรัพย์สินให้นายจ้างและหรือผู้ซึ่งถูกยึด อายัดทรัพย์สินทราบ ณ ภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่หรือสำนักงานของนายจ้างหรือผู้ซึ่งถูกยึด อายัดทรัพย์สิน การส่งคำสั่ง ณ สถานที่อื่นให้ใช้ได้ต่อเมื่อ
(1) นายจ้างหรือผู้ซึ่งถูกยึด อายัดทรัพย์สิน ยอมรับคำสั่งยึดอายัดทรัพย์สิน
(2) การส่งคำสั่งยึด อายัดทรัพย์สิน ได้กระทำ ณ สำนักงานประกันสังคม
ข้อ 11 การส่งคำสั่งตามข้อ 10 พนักงานเจ้าหน้าที่อาจส่งให้นายจ้าง หรือผู้ซึ่งถูกยึด อายัดทรัพย์สินโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ หรือนำไปส่ง ณ ภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่หรือสำนักงานของนายจ้าง หรือผู้ซึ่งถูกยึด อายัดทรัพย์สินในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของนายจ้าง หรือผู้ซึ่งถูกยึด อายัดทรัพย์สิน ถ้าไม่พบตัวบุคคลดังกล่าว จะส่งให้แก่บุคคลใดซึ่งบรรลุนิติภาวะซึ่งอยู่หรือทำงานในบ้านหรือสำนักงานที่ปรากฏว่าเป็นของนายจ้าง หรือผู้ซึ่งถูกยึด อายัดทรัพย์สินก็ได้
ถ้าไม่อาจส่งตามวิธีในวรรคหนึ่งได้ให้ปิดคำสั่งไว้ในที่ซึ่งเห็นได้ง่าย ณ ภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ หรือสำนักงานของนายจ้าง หรือผู้ซึ่งถูกยึด อายัดทรัพย์สิน เมื่อได้ดำเนินการดังกล่าวและเวลาได้ล่วงพ้นไปสิบห้าวัน ให้ถือว่านายจ้างหรือผู้ซึ่งถูกยึด อายัดทรัพย์สินได้รับคำสั่งแล้ว
ข้อ 12 พนักงานเจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการยึด อายัดทรัพย์สินในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตกหรือในระหว่างเวลาทำการของนายจ้าง เว้นแต่กรณีที่มีเหตุฉุกเฉินโดยได้รับอนุญาตจากเลขาธิการ
ข้อ 13 ในการยึด อายัดทรัพย์สิน ถ้ามีผู้ขัดขวางหรือมีพฤติการณ์ว่าจะมีผู้ขัดขวาง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ขอความช่วยเหลือจากเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อดำเนินการยึด อายัดทรัพย์สินจนได้
ข้อ 14 เมื่อได้ทำการยึด อายัดทรัพย์สินแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปิดประกาศการยึด อายัดทรัพย์สินไว้ ณ สถานที่และสำนักงานแห่งท้องที่ที่ทรัพย์สินตั้งอยู่ แห่งละหนึ่งฉบับ
ข้อ 15 การยึดทรัพย์สินของนายจ้าง กรณียึดสังหาริมทรัพย์ให้นำเอาสังหาริมทรัพย์นั้นมาเก็บรักษาไว้ ณ สถานที่ใดหรือแก่บุคคลใดตามที่เห็นสมควร หรือมอบไว้ในความอารักขาของนายจ้างหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินนั้นอยู่ และแจ้งให้นายจ้างทราบ การยึดทรัพย์สินประเภทนี้ให้ครอบคลุมถึงดอกผลแห่งทรัพย์สินนั้นด้วย
การเก็บรักษาทรัพย์ให้เป็นไปตามระเบียบที่เลขาธิการกำหนด
ข้อ 16 การยึดอสังหาริมทรัพย์ของนายจ้าง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จัดทำโดยนำเอาหนังสือสำคัญสำหรับทรัพย์สินนั้นมาเก็บรักษาหรือฝากไว้ ณ สถานที่ใด หรือแก่บุคคลใดตามที่เห็นสมควรและแจ้งการยึดนั้นให้นายจ้างและเจ้าพนักงานที่ดินผู้มีหน้าที่ทราบ ถ้าหนังสือสำคัญยังไม่ได้ออกหรือนำมาแสดงไม่ได้หรือหาไม่พบ ให้ถือว่าการที่ได้แจ้งการยึดต่อนายจ้างและเจ้าพนักงานที่ดินนั้นเป็นการยึดตามกฎหมายแล้ว
การยึดอสังหาริมทรัพย์นั้น ครอบไปถึงเครื่องอุปกรณ์และดอกผลนิตินัยของอสังหาริมทรัพย์นั้นด้วย เว้นแต่จะได้มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น ดอกผลธรรมดาที่นายจ้างจะต้องเป็นผู้เก็บเกี่ยวหรือบุคคลอื่นเก็บเกี่ยวในนามของนายจ้างนั้น เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้แจ้งเป็นหนังสือให้ทราบขณะทำการยึดว่าจะทำการเก็บเกี่ยวเองแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่อาจจะให้เก็บเกี่ยวดอกผลนั้นได้เมื่อถึงกำหนดและทำการขายทอดตลาดต่อไป
ข้อ 17 ในการยึดที่ดิน พนักงานเจ้าหน้าที่อาจนำเจ้าพนักงานที่ดินชี้ตำแหน่งที่ดินหรือรังวัดเขตกว้างยาวของที่ดินที่ยึด แล้วให้พนักงานเจ้าหน้าที่จัดทำแผนที่จำลองไว้
ข้อ 18 ในการยึดที่ดิน ถ้าที่ดินที่ยึดนั้นมีสิ่งปลูกสร้างหรือไม้ล้มลุกหรือธัญชาติอันจะเก็บเกี่ยวรวงผลได้คราวหนึ่งหรือหลายคราวต่อปีซึ่งเป็นของผู้อื่นปลูกอยู่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่บันทึกถ้อยคำของเจ้าของสิ่งนั้น ๆ ให้ปรากฏว่าปลูกอย่างไร เป็นต้นว่าอาศัยหรือมีสัญญาเช่าต่อกัน ฯลฯ
ข้อ 19 การยึดที่ดินซึ่งมีไม้ยืนต้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จดชนิดและประมาณจำนวนต้นไม้มาด้วย ส่วนกรณีการยึดโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จดขนาดกว้างยาวและบรรยายสภาพแห่งสิ่งนั้น ๆ ตามที่เห็นสมควร ถ้าเป็นสถานที่ให้เช่าค่าเช่าเท่าใด
ข้อ 20 การยึด อายัดทรัพย์สินนั้น ให้ยึด อายัดทรัพย์สินเฉพาะส่วนของนายจ้าง แต่ถ้ามีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย และไม่ปรากฏว่าส่วนใดเป็นส่วนของนายจ้าง ให้ยึด อายัดทรัพย์สินไว้ทั้งหมด
ข้อ 21 เมื่อได้ยึดทรัพย์สินแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แสดงการยึดทรัพย์ให้เห็นประจักษ์แจ้ง ดังนี้
(1) สิ่งของให้ปิดหรือผูกแผ่นหมายเลขสิ่งของที่ยึดให้ตรงตามบัญชีทรัพย์สิน ถ้าเก็บสิ่งของเข้าหีบหรือตู้ได้ ให้เก็บรวบรวมไว้แล้วปิดหีบหรือตู้ประทับตราครั่งอีกชั้นหนึ่ง
(2) ห้องแถวสิ่งปลูกสร้างให้ปิดเครื่องหมายไว้ทุกห้อง
(3) สัตว์พาหนะ ปศุสัตว์ หรือสัตว์อื่น ให้ใช้สีทาที่ตัวหรือจะใช้แผ่นเลขหมายผูกคอหรือต้อนเข้าคอกแล้วผูกเชือกประทับตราครั่งที่ประตูคอกไว้ก็ได้ แล้วแต่จะเห็นสมควรแต่อย่าให้เป็นการขัดข้องต่อการเลี้ยงรักษาสัตว์
ข้อ 22 ในกรณีที่นายจ้างมีสิทธิเรียกร้องต่อบุคคลภายนอก เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่เห็นสมควรอาจเสนอเลขาธิการเพื่อสั่งอายัดสิทธิเรียกร้องนั้น โดยห้ามลูกหนี้ของนายจ้างมิให้ชำระเงินหรือส่งมอบทรัพย์สินแก่นายจ้าง แต่ให้นำมาชำระหรือส่งมอบแก่สำนักงานภายในเวลาที่กำหนดไว้
คำสั่งอายัดนั้นอาจออกให้ได้ไม่ว่าหนี้ของบุคคลภายนอกนั้นจะมีข้อโต้แย้งหรือมีข้อจำกัด หรือเงื่อนไขหรือว่าได้กำหนดจำนวนไว้แน่นอนหรือไม่
ข้อ 23 การอายัดสิทธิเรียกร้องแห่งรายได้เป็นคราว ๆ นั้นรวมตลอดถึงจำนวนเงินซึ่งถึงกำหนดชำระภายหลังการอายัดนั้นด้วย
ถ้าสิทธิเรียกร้องของนายจ้างซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกในอันที่จะเรียกให้ชำระเงินจำนวนหนึ่งนั้นมีการจำนองเป็นประกัน การอายัดสิทธิเรียกร้องให้รวมตลอดถึงการจำนองด้วย แต่ทั้งนี้พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแจ้งคำสั่งอายัดนั้นไปยังเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ 24 การอายัดสังหาริมทรัพย์อันมีรูปร่างและอสังหาริมทรัพย์รวมทั้งสิทธิทั้งปวงอันมีอยู่ในทรัพย์สินเหล่านั้น ซึ่งบุคคลภายนอกจะต้องส่งมอบหรือโอนมายังนายจ้างในภายหลัง และเมื่อได้ส่งมอบหรือโอนมาแล้วก่อนเอาทรัพย์สินหรือสิทธิเหล่านั้นออกขายหรือจำหน่าย ในกรณีเช่นว่านี้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจจะยึดบรรดาเอกสารทั้งปวงที่ให้สิทธิแก่นายจ้างในอันที่จะได้รับส่งมอบหรือรับโอนทรัพย์สินหรือสิทธิเช่นว่ามานั้น
ในกรณีอายัดเงินที่บุคคลภายนอกจะต้องชำระให้แก่นายจ้างในภายหลัง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจที่จะยึดบรรดาเอกสารทั้งปวงที่ให้สิทธิแก่นายจ้างในอันที่จะได้รับชำระเงินเช่นว่านั้น
ข้อ 25 เมื่อได้มีการยึดทรัพย์สินแล้ว สิทธิเรียกร้องของนายจ้างอันมีต่อบุคคลภายนอกนั้น ให้จัดการดังต่อไปนี้
(1) ถ้าเป็นพันธบัตรและหลักทรัพย์ที่เป็นประกันซึ่งเป็นของนายจ้าง (ออกให้แก่ผู้ถือหรือออกในนามของนายจ้าง) พนักงานเจ้าหน้าที่จะขอให้เลขาธิการมีคำสั่งอนุญาตให้จำหน่ายสิ่งเหล่านั้นตามรายการขานราคาในวันที่ขายก็ได้ หากสิ่งเหล่านั้นได้มีรายการขานราคากำหนดไว้ ณ สถานแลกเปลี่ยนหรือจะขายโดยวิธีขายทอดตลาดดังกำหนดไว้ในหมวด 5 ก็ได้ ถ้ามิได้ขอเช่นว่านั้นหรือคำขอถูกยกเสียให้ขายสิ่งเหล่านั้นโดยวิธีขายทอดตลาด
(2) ถ้าเป็นตราสารเปลี่ยนมือ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ขอให้เลขาธิการมีคำสั่งอนุญาตให้จำหน่ายตามราคาที่ปรากฏในตราสาร หรือราคาต่ำกว่านั้นตามที่เลขาธิการเห็นสมควรกำหนด
(3) ถ้าเป็นสิทธิเรียกร้องขอให้ชำระเงินจำนวนหนึ่ง หรือเรียกให้ส่งมอบสิ่งของนอกจากที่กล่าวไว้ใน (1) และ (2) นี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่อายัดตามข้อ 22 ข้อ 23 ข้อ 36 หรือข้อ 37 และจำหน่ายทรัพย์สินต่อไป
(4) ถ้าเป็นสิทธิเรียกร้องอื่น ๆ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกคำสั่งให้บุคคลซึ่งต้องรับผิดในการชำระหนี้ตามสิทธิเรียกร้องนั้นมาพบ ถ้าบุคคลนั้นยินยอมชำระหนี้ให้แก่สำนักงาน ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จดบันทึกไว้ ถ้าบุคคลนั้นไม่มาหรือไม่ยินยอมชำระหนี้ดังกล่าวแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ขอให้เลขาธิการมีหนังสือแจ้งให้นายจ้างฟ้องตามเอกสารที่ได้ยึดนั้น ถ้าศาลพิพากษาถึงที่สุดให้นายจ้างชนะคดี นายจ้างต้องแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบจำนวนเงินที่รับชำระหนี้จากการนั้นด้วย ถ้านายจ้างขัดขืนหรือเพิกเฉยไม่ใช้สิทธิเรียกร้องดังกล่าว สำนักงานอาจใช้สิทธิเรียกร้องนั้นในนามของตนเองแทนนายจ้าง
ข้อ 26 ถ้าคำสั่งอายัดนั้นไม่มีการคัดค้าน และบุคคลภายนอกมิได้ปฎิบัติตามพนักงานเจ้าหน้าที่อาจขอให้เลขาธิการออกคำสั่งบังคับแก่บุคคลภายนอกนั้นและดำเนินการไปเสมือนหนึ่งว่าบุคคลนั้นเป็นนายจ้าง
ถ้าค่าแห่งสิทธิเรียกร้องซึ่งอายัดไว้นั้นต้องเสื่อมเสียไปเพราะความผิดของบุคคลภายนอกเนื่องจากการไม่ปฎิบัติตามคำสั่งเลขาธิการไม่ว่าด้วยประการใด ๆ บุคคลภายนอกเช่นว่านั้นต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่สำนักงานเพื่อความเสียหายใด ๆ ซึ่งเกิดขึ้นแก่สำนักงาน
ข้อ 27 การประมาณราคาที่ดินให้พิจารณาตามหลักเกณฑ์เหล่านี้ประกอบกัน คือ
(1) ราคาที่ดินตามราคาประเมินของคณะกรรมการกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์
(2) ราคาซื้อขายกันในท้องตลาด
(3) ราคาที่ดินตำบลนั้นหรือตำบลใกล้เคียงถ้าสามารถตรวจสอบได้
(4) ราคาซื้อขายหรือจำนองครั้งสุดท้ายของที่ดินที่ยึดหรือที่ดินข้างเคียง
ข้อ 28 การประมาณราคาทรัพย์สินนอกจากที่ดิน ให้ประมาณตามราคาซื้อขายในท้องตลาดตามสภาพความเก่าใหม่ของทรัพย์สินนั้น ๆ
ข้อ 29 การประมาณราคาทรัพย์สินที่มีการจำนำหรือจำนองให้ปฎิบัติเช่นเดียวกับข้อ 27 หรือข้อ 28 แต่ให้หมายเหตุว่า จำนำ จำนอง เมื่อใด ต้นเงินเท่าใด เพื่อประกอบดุลพินิจของผู้ขาย
ข้อ 30 ให้ผู้ซึ่งถูกยึด อายัดทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกร้องลงนามรับทราบการยึด อายัดทรัพย์สินนั้น ในกรณีที่ผู้ซึ่งถูกยึด อายัดทรัพย์สินลงลายมือชื่อไม่ได้ หรือไม่ยอมลงลายมือชื่อให้บันทึกเหตุแห่งการนั้นไว้
--ราชกิจจานุเบกษา--